12K
2 มิถุนายน 2552

เชสเตอร์กริลล์เบรกลุยตปท.ซุ่มเข้าปั๊มบางจากลดต้นทุน 
 

 
       เชสเตอร์กริลล์ รอเศรษฐกิจฟื้น ขอเบรกการลงทุนในต่างแดนไปอีก 2 ปี เน้นลุยในประเทศให้เต็มที่ เล็งขยายสู่ปั้มบางจากเสริมทัพปตท. หลังพบการตอบรับดีเกินคาด ส่วนทั้งปีเปิดเพิ่มแน่อีก 20 สาขาในทุกช่องทาง พร้อมชูกลยุทธ์เมนูคุ้มค่า ถูกกว่าคู่แข่ง 3-5% มั่นใจสิ้นปีรายได้แตะ 1,400 ล้านบาท เติบโต 20%
       
       นายสุวัฒน์ ทรงพัฒนะโยธิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชสเตอร์ ฟู้ด จำกัด เปิดเผยว่า แผนการขยายธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเชสเตอร์กริลล์ไปยังต่างประเทศ ขณะนี้ได้ชะลอแผนดังกล่าวออกไปก่อนอย่างน้อย 2 ปี หรือจนกว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะฟื้นเต็มที่ ขณะที่นักลงทุนในหลายๆประเทศให้ความสนใจติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์ไปเปิดในหลายๆประเทศไม่ว่าจะเป็น เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซียรวมไปถึงบังคลาเทศ ทั้งนี้หากจะต้องขยายสาขาไปต่างประเทศจริง จะไปในลักษณะของการให้มาสเตอร์แฟรนไชส์ สำหรับนักลงทุนที่เจรจาร่วมกัน โดยทางนั้นสามารถขายแฟรนไชส์ต่อได้ แต่ขณะนี้ขอดูสถานการณ์ต่างๆก่อน
 

       
       อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการลงทุนในประเทศ บริษัทยังเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง รวมอีก 20-25 สาขา หรือภายในสิ้นปีน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 170 สาขา จากปัจจุบัน เปิดให้บริการอยู่แล้วกว่า 147 สาขา เป็นสาขาภายในปั้มน้ำมันปตท. 18 สาขา แบ่งเป็น 15 สาขาในกรุงเทพ และอีก 3 สาขา ในต่างจังหวัด คือ ชัยนาท เพชรบุรี และ พิษณุโลก ทีเหลือคือกรุงเทพฯและปริมณฑล
      
       โดยในส่วนของสาขาในช่องทางปั้มน้ำมันนี้ ทางบริษัท ตั้งเป้าขยายสาขาให้ได้ 20% ของจำนวนปั้ม ปตท.ทั่วประเทศ อีกทั้งขณะนี้ยังมีการศึกษาเพิ่มเติมที่จะเข้าไปเปิดให้บริการในปั้มน้ำมันบางจากต่อจากนี้ด้วย โดยขณะนี้ทดลองเปิดให้บริการแล้ว 1 สาขา แถวแยกถนนจันทร์ คาดว่าภายในไตรมาสสี่หรือต้นปีหน้า จะเข้าไปให้บริการในปั้มน้ำมันบางจากได้มากขึ้นซึ่งจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งของช่องทางปั้มน้ำมันต่อ่อจากปั้มปตท.ได้
 

       
       สำหรับการลงทุนขยายสาขาในปั้มน้ำมันนี้ จะอยู่ที่สาขาละประมาณ 3.5-4 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 90-100 ตารางเมตร ขณะที่การเปิดร้านปกติจะลงทุนราว 5 ล้านบาท พื้นที่ 130-150 ตารางเมตร ทั้งนี้การเปิดร้านรูปแบบปั้มน้ำมัน คุ้มทุนเร็วกว่า ยอดการขายดีกว่าเมื่อเทียบกับร้านปกติ เหตุเพราะพฤติกรรมลูกค้าเริ่มเปลี่ยนไป นิยมซื้อกลับหรือจะใช้บริการในช่วงเวลาเร่งด่วนเป็นหลัก


       
       ส่วนเชสเตอร์ คอฟฟี่ ในปีนี้ ยังเดินหน้าขยายเพิ่มอีก 20 สาขา ภายในร้านเชสเตอร์ กริลล์ ที่มีพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร
       
       นอกจากนี้ในส่วนของเมนูอาหารนั้น ปีนี้จะเน้นเรื่องของความคุ้มค่าคุ้มราคา และเมนูซีซันนอลเพิ่มขึ้น โดยยังคงเมนูปกติไว้ที่ 22 เมนู ขณะที่เมนูซีซันนอลปีนี้มีเพิ่มขึ้นเป็น 5-6 รายการ จากปีก่อนอยู่ที่ 4 รายการ ซึ่งราคาในการจำหน่ายนั้น เทียบกับคู่แข่งแล้ว จะถูกกว่า 3-5% ส่วนเมนูปกติยังไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างไร
 

       
       สำหรับงบการตลาดปีนี้ยังคงใช้ที่ 50 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน มุ่งเน้นในเรื่องของเซอร์วิส และความคุ้มค่าที่จะมอบให้ลูกค้ามากขึ้น เน้นขยายฐานลุกค้าไปยังกลุ่มวัยรุ่นทั้งในรูปแบบของการใช้พรีเซนเตอร์ และการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมไปถึงการปรับแต่งรูปแบบร้านให้มีความสดใสมากขึ้น มั่นใจว่าสิ้นปีบริษัทจะยังมีการเติบโตที่ 20% คิดเป็นมูลค่าที่ 1,400 ล้านบาทได้แน่ ขณะที่ไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา ยังมีการเติบโตได้ดีอยู่ราว 15%
      
       อย่างไรก็ตามการแข่งขันของธุรกิจฟาสต์ฟู้ดมูลค่า 15,000 ล้านบาท ปีนี้จะมุ่งในเรื่องของการบริการ และความหลากหลายของเมนู และความคุ้มค่าคุ้มราคา โดยทั้งปีเชื่อว่าตลาดจะยังเติบโตที่ 3-5% ทั้งนี้ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า เชสเตอร์ กริลล์ คาดหวังที่จะขึ้นเป็นอันดับ 4 ในกลุ่มแบรนด์ร้านฟาสต์ฟู้ดที่ลูกค้านึกถึง จากปัจจุบัน ผลการสำรวจของนิตยสารแบรนด์เอจ พบว่าร้านฟาสต์ฟู้ดอันดับ 1 ที่ลูกค้านึกถึง คือ เอ็มเค 2.เคเอฟซี 3.แมคโดนัลด์ 4.ฟูจิ 5.เดอะพิซซ่า คอมปานี และ 6.เชสเตอร์ กริลล์ ตามลำดับ

อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์
 

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
950
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
648
“เติมพลังความรู้” กับ ..
591
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
562
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
554
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
517
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด