3.6K
17 มีนาคม 2560
‘กนกไทย’ เล็งเพิ่มแฟรนไชน์

 
บ.กนกไทย กรุ๊ปเดินหน้าสร้างรายได้ 40 ล้านบาทปี 60 ชูกลยุทธ์ทางเลือกหลากหลายให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของธุรกิจ และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง เผยแผนระยะยาวมีโอกาสเข้าตลาดหุ้น
 
นายฤกษ์วัส อินทะกนก กรรมการผู้จัดการ บริษัท กนกไทย กรุ๊ป จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจแฟรนไชส์ขนมหวานในรูปแบบต่างๆ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปี 2560 บริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 40 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากเดิมในปี 2559 ที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์ในการมีทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้ที่สนใจทำธุรกิจ รวมถึงการใช้จุดแข็งด้านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ที่เป็นลูกค้าแฟรนไชส์ได้ต่อยอดธุรกิจ และสามารถสร้างผลกำไรได้
 
 
“บริษัทยังมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น ล่าสุดได้ออกผลิตภัณฑ์บิงซูมือถือ ซึ่งผู้บริโภคสามารถซื้อแล้วเดินรับประทานได้ หรือเดินทางต่อไปได้เพิ่มความสะดวกสบายในการรับประทาน จากเดิมที่การรับประทานบิงซูจะต้องมากันเป็นกลุ่ม 2-3 คนและต้องนั่งรับประทานที่ร้าน อีกทั้งทางด้านของราคาก็ยังมีความคุ้มค่ากว่าคู่แข่ง โดยจำหน่ายเริ่มต้นที่ราคา 89-99 บาท แต่เป็นบิงซูที่ผลิตจากนมแท้ไม่ใช่น้ำแข็งใสแล้วโรยด้วยรสชาติตามที่ลูกค้าสั่ง ซึ่งหากเป็นในตลาดทั่วไปอาจจะจำหน่ายกันอยู่ที่ราคา150-300 บาท เป็นต้น”
 
 
อย่างไรก็ดี การที่บริษัทมีทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้าถือว่าเป็นจุดเด่นสำคัญในการทำธุรกิจ เนื่องจากเท่าที่ศึกษาข้อมูลในตลาดจะพบว่าผู้ประกอบการรายอื่นจะมีสินค้าเพียงอย่างเดียวโดยตรง เช่น ป็อปคอร์น หรือไอศกรีมให้ลูกค้าได้เลือกเท่านั้น นอกจากนี้ ด้วยความที่บริษัทเป็นผู้ที่ดำเนินธุรกิจทางด้านงานผลิตเครื่องสเตนเลส ตั้งแต่เครื่องมือทางการแพทย์ งานฮาร์ดแวร์ไปจนถึงอุปกรณ์เครื่องมือทำธุรกิจอาหาร ทำให้บริษัทสามารถให้บริการหลังการขายกับลูกค้าได้อย่างทันท่วงทีในกรณีที่อุปกรณ์มีปัญหา เพื่อไม่ให้ธุรกิจของลูกค้าเกิดอาการสะดุด
 
 
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจแฟรนไชส์ให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ประกอบไปด้วย ป็อบคอร์น ภายใต้แบรนด์ “ป็อบคอร์นเนอร์” (POP CONNER) ,บิงซู ภายใต้แบรนด์ “บิงซูบอย” (Bingsu Boy) ,ไอศครีม ซึ่งจะมีให้เลือก 3 รูปแบบประกอบด้วย ไอศครีมซอฟต์เสิร์ฟ ไอศครีมผัด และไอศครีมป็อบคอร์น โดยทั้งหมดจะอยู่ภายใต้แบรนด์ “ไอศกรีมมี่” (iCreamy) และขนมสายไหม ภายใต้แบรนด์แคนดี้ป๊อบ (Candy POP)ซึ่งล่าสุดมีจำนวนแฟรนไชส์รวมทุกธุรกิจอยู่ที่ 500 สาขาทั่วประเทศ โดยในปีนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนสาขาให้ได้อีก 200 สาขาในภาพรวมหรือเฉลี่ยประมาณ 20-30 สาขาต่อเดือน
 

 
นายฤกษ์วัส กล่าวต่อไปอีกว่า แผนธุรกิจในระยะกลาง 1-3 ปีบริษัทจะมุ่งเน้นการดูแลลูกค้าแฟรนไชส์ให้สามารถประกอบธุรกิจได้โดยไม่มีปัญหา และได้รับผลตอบแทนที่ดี อีกทั้งยังมีแผนที่จะต่อยอดธุรกิจไปสู่แฟนไชส์อาหารคาวในรูปแบบพื้นฐานไม่สลับซับซ้อน เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุม และเป็นทางเลือกให้ผู้ที่จะเข้ามาร่วมทำธุรกิจกับบริษัทให้เพิ่มมากขึ้น หลังจากนั้นในระยะยาวบริษัทก็มีแผนที่จะนำธุรกิจเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หากธุรกิจทุกอย่างสามารดำเนินไปได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้

อ้างอิงจาก  thansettakij.com

ขอบคุณรูปภาพจาก  www.fanshinegroup.com
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,086
PLAY Q by CST bright u..
1,311
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
945
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
941
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
790
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
769
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด