เอ็มจีลั่นเดินหน้าดันผลประกอบการโตเท่าตัว หวังยอดขายทะลุ 2 หมื่นคันปีนี้ แย้มเตรียมส่ง 2 รุ่นใหม่ลุยตลาด เล็งปลายปีหน้าโรงงานใหม่เสร็จ พร้อมผลิตพวงมาลัยขวาครบไลน์ รองรับตลาดในประเทศ-ส่งออก ในต้นปี 2562

 

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนธุรกิจของบริษัทว่า ตั้งเป้ายอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว หรือมียอดขายปีนี้ 20,000 คัน จากปีที่ผ่านมายอดขายต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เดิมกำหนดไว้ 10,000 คัน ทำได้เพียง 8,319 คัน 

 

"แต่ก็ถือว่าน่าพอใจเมื่อเทียบกับยอดขายในปี 2558 ที่ผ่านมาที่ทำได้เพียง 3,800 คันเท่านั้น และหากมองในแง่ของอัตราการเติบโตนั้นถือว่าโตถึง 2 เท่าตัวเลยทีเดียว เราเข้าตลาดมาได้เพียงแค่ 2 ปีเศษ ๆ หากจะมองทั้งในแง่ของยอดขายเครือข่าย การสร้างแบรนด์ รวมทั้งพัฒนาทีมงานให้มีศักยภาพ ถือว่าเป็นผลงานที่เราค่อนข้างน่าพอใจ เพราะได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการวางรากฐานให้มีความแข็งแกร่ง"

 

นอกจากนี้ บริษัทยังได้เร่งสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ทั้งราคาขายต่อ ด้วยการเปิดธุรกิจรถมือสอง "แอพพรูฟ เซอร์ติฟายด์ ยูส คาร์ บาย เอ็มจี" เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น มีรถยนต์ใช้แล้วคุณภาพดีราคาเหมาะสมพร้อมความน่าเชื่อถือสูงสุด เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการผลิตรถยนต์และการใส่ใจบริการที่เหนือกว่า และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศในทุกรายละเอียด 

 

สำหรับปีนี้บริษัทมีแผนพัฒนาเครือข่ายการขายเพิ่มมากขึ้น โดยจะเพิ่มโชว์รูมและศูนย์บริการจาก 60 แห่งในปีที่ผ่านมาเป็น 90 แห่งในปีนี้ รวมทั้งขณะนี้ได้เซ็นสัญญากับพันธมิตรไปแล้วกว่า 80% รวมทั้งยังได้เสริมบริการโมบายเซอร์วิสออกให้บริการลูกค้าในพื้นที่ต่าง ๆ ด้วย และในปีนี้คาดว่าจะมีรถยนต์รุ่นใหม่แนะนำเข้ามาอีก 2 รุ่น

 

"เดิมเราจะแนะนำเอ็มพีวีรุ่นใหม่ขนาด 7 หรือ 11 ที่นั่งในช่วงงานมอเตอร์โชว์ แต่ติดขัดปัญหาบางประการทำให้ต้องชะลอแผนงานดังกล่าวออกไปก่อน"

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่า เป้าโต 2 เท่าน่าจะทำได้แน่นอน เพราะจะมีสินค้าในไลน์ 4-6 โมเดลเพื่อเพิ่มความหลากหลายและทางเลือกให้กับลูกค้า ในส่วนของโรงงานแห่งใหม่นั้น คาดว่าจะก่อสร้างและแล้วเสร็จได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะมีกำลังผลิต 100,000 คัน และคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตรถยนต์ได้ราวต้นปี 2561 เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามแผนงานที่บริษัทแม่วางไว้ให้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตรถจีเอ็มพวงมาลัยขวา

และคาดว่า ภายในปี 2562 จะผลิตเอ็มจีพวงมาลัยขวาได้ครบไลน์ หลังจากนี้คงได้เห็นการเคลื่อนย้ายของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์จากเยอรมนี อเมริกา เข้ามาเพิ่มเติม โดยปัจจุบันเอ็มจีใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศอยู่ที่ระดับ 40%

 

ขณะที่ความคืบหน้าของการนำรถแม็คซัสในเซ็กเมนต์ที่เอ็มจีไม่มีมาพัฒนาภายใต้แบรนด์เอ็มจี ยังถือเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่น่าสนใจ แต่คงต้องศึกษาความต้องการของตลาดและรอดูความเหมาะสมด้วย 

 

สำหรับความคืบหน้าของโครงการอีโคคาร์เฟส 2 นั้น บริษัทเชื่อว่ายังมีระยะเวลาในการศึกษาเพียงพอ โดยเฉพาะขณะนี้กระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรืออีวีกำลังมาแรง บริษัทเองก็พร้อมเปิดรับกับเทคโนโลยีต่าง ๆ และมองตลาดให้ละเอียด เพราะตลาดรถเล็กสไตล์ประหยัดค่อนข้างใหญ่ และบริษัทก็มองหาโอกาสตรงนี้เช่นกัน อย่าลืมว่าในจีนรถอีวีใหญ่สุดในโลกยอดขายปีก่อนมากกว่าล้านคัน

อ้างอิงจาก  ประชาชาติธุรกิจ