5.2K
25 ธันวาคม 2552

สุดยอดแฟรนไชส์ 2008 "ความสุข" ในวิกฤตของ "ซับเวย์"


 
ถือเป็นประเพณีปฏิบัติไปแล้วที่ในช่วงปลายปีก่อนหยุดยาวในวันคริสต์มาสและปีใหม่ในสหรัฐอเมริกา ค่ายต่างๆ จะประกาศผลการจัดอันดับในแวดวงอุตสาหกรรมต่างๆ เช่นเดียวกับในแวดวงเอสเอ็มอี และแฟรนไชส์ที่ไม่กี่วันมานี้เองที่ "Entrepreneur" นิตยสารผู้นำในด้านนี้ได้ประกาศผลการจัดอันดับแฟรนไชส์ 500 อันดับ


โดยในปีนี้มีแฟรนไชส์หลายรายที่เป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักกันดีนั้นขึ้นมาติดอันดับ "ท็อป 10" ไม่ว่าจะเป็นแมคโดนัลด์ที่คว้าตำแหน่งที่ 2 พิซซ่า ฮัท ที่คว้าตำแหน่งที่ 7 ยูพีเอสยักษ์ใหญ่ด้านโลจิสติกส์ที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับ 8 ขณะที่ "ซับเวย์" เชนแซนด์วิชที่ใหญ่ที่สุดในโลกปีนี้กลับมาคว้าแชมป์หลังจากปีที่ผ่านมาตกไปอยู่ในอันดับ 2


 

เมื่อ 44 ปีก่อนในวันที่ "เฟรด เดลูกา" ในวัย 17 ปี และ "ปีเตอร์ บัคส์" คู่หูเปิดร้านแซนด์วิชของพวกเขา และพวกเขาอาจจะไม่มีวันที่ล่วงรู้เลยว่าในวันนี้ "ซับเวย์" จะกลายเป็นแฟรนไชส์ที่มีสาขามากถึง 28,000 แห่ง ใน 86 ประเทศทั่วโลก และแม้ในปี 2551 ที่ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจกำลังสั่นคลอน สหรัฐอเมริกาประเทศต้นทางของวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ "ซับเวย์" ตั้งอยู่ แต่ "เฟรด" ผู้ก่อตั้งที่ยังบริหารธุรกิจในวันนี้ ยืนยันว่าจะอย่างไรพวกเขาก็จะยังตั้งเป้าที่จะขยายสาขาให้ได้ถึง 30,000 สาขาก่อนจะจบปี 2551
 

เขาให้สัมภาษณ์นิตยสารเล่มนี้ทางโทรศัพท์ ทันทีที่ได้รู้ผลการจัดอันดับว่า "ในปีนี้อาจจะเป็นปีที่แย่สำหรับตลาดหุ้น ความเสียหายในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และความล้มเหลวของธุรกิจการเงิน แต่สำหรับซับเวย์ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีที่สุดของเรา"

คำให้สัมภาษณ์ของเขาดูเป็นเหตุผลในตัวของมันเองว่า เพราะอะไรปีนี้ "ซับเวย์" ถึงกลับขึ้นไปยืนอยู่ในจุดที่สูงสุดอีกครั้ง
 

"เฟรด" บอกว่า "ในปีที่ผ่านมาเราทำงานหนักเพื่อที่จะให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด เราพยายามสร้างร้านด้วยเงินลงทุนในระดับ 200,000 เหรียญสหรัฐ และพยายามสร้างระบบบริหารจัดการที่ง่ายที่สุดในการบริหารจัดการร้าน รวมถึงการเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าและ เป็นเหตุผลที่ทำให้เราสามารถดึงดูดให้แฟรนไชซีมาร่วมลงทุนในธุรกิจของเรา"

"สตีเวน กรีนบัม" ประธานสมาคมแฟรนไชส์สากล อธิบายถึงจุดสำคัญความสำเร็จของ "ซับเวย์" ในปีนี้ว่า "เราจะเห็นว่าในขณะที่แบรนด์ดังอย่างสตาร์บัคส์ กำลังย่ำแย่จากการที่ลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงินซื้อกาแฟในราคาพรีเมี่ยมเช่นเดิม แต่สำหรับซับเวย์แล้วจะอย่างไรผู้คนก็ยังต้องรับประทานอาหาร"

หมายความว่าในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีคนอาจจะเปลี่ยนใจไปซื้อกาแฟในราคาที่ถูกกว่าเดิม หรืออาจจะดื่มกาแฟสำเร็จรูปแทนการไปดื่มกาแฟในช่วงบ่ายของวัน แต่สำหรับซับเวย์แล้วแซนด์วิชนั้นเป็นเหมือนข้าวกะเพราไข่ดาว หรือเป็นอาหารจานหลักที่ยังไงๆ คนก็ต้องกิน
 

มากกว่านั้นแฟรนไชซอร์รายนี้ยังพยายามทำให้ลูกค้าของพวกเขาสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่เท่ากับกาแฟเพียงแก้วเดียว ว่ากันว่าวันนี้ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่แคลิฟอร์เนียถึงลอสแองเจลิสชาวอเมริกันสามารถซื้อฟุตลอง แซนด์วิชของซับเวย์ได้ในราคาเดียวกับที่พวกเขาจ่ายเงินสำหรับกาแฟคาราเมล แมคคิอาโต หนึ่งแก้วของสตาร์บัคส์

สิ่งเหล่านี้คือความสำเร็จและความพยายามของซับเวย์ในการสร้างโมเดลธุรกิจ โดยคำนึงถึงเรื่องประสิทธิภาพ ประสิทธิผล มีต้นทุนที่ต่ำที่สุด และเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญด้านแฟรนไชส์บอกว่า เป็นสิ่งที่ซับเวย์ทำได้ดีอย่างยิ่งตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา

เป็น 7 ปีที่เป็น "ทุน" สะสมที่ทำให้เมื่อถึงวันหนึ่งเกิดวิกฤต "ซับเวย์" กลับสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง !!











อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
 

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
5,493
PLAY Q by CST bright u..
1,065
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
940
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
931
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
783
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
755
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด