สสว.เร่งเปิดตลาดใหม่นำ SMEs ไทย เจาะตลาดซัวเถา 
 

 
 
       สสว. เร่งเปิดตลาดใหม่ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ไทย โดยนำเอสเอ็มอีกว่า 70 รายในประเทศจีน ร่วมงานแสดงและจับคู่ธุรกิจในงาน The 10th China (Shantou) International Food Expo: 2008 Thailand Products (Shantou) Fair ณ เมืองซัวเถา สาธารณรัฐประชาชนจีน

      
       นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า ทางสสว.ในฐานะหน่วยงานที่ส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ได้นำผู้ประกอบ SMEs จำนวน 70 ราย ไปร่วมงานแสดงสินค้าและจับคู่ธุรกิจ ในงาน The 10th China (Shantou) International Food Expo: 2008 Thailand Products (Shantou) Fair ณ เมืองซัวเถา สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 15 ธันวาคม 2551

      
       โดยสินค้าที่นำไปร่วมจัดแสดงอยู่ในกลุ่มอาหาร เครื่องสำอางและเวชภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์สปา ของตกแต่งบ้าน อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องหนังและบริการด้านท่องเที่ยว พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ฮ่องกง นำวัฒนธรรมไทยไปแสดงให้แก่ผู้เข้าร่วมชมงาน ใน Thailand Pavilion อีกด้วย

      
       นายพิษณุ เหรียญมหาสาร ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้ากับจีน เป็นหัวหน้าคณะนำผู้ประกอบการ SMEs เผยถึงลักษณะการจัดงาน ว่า เป็นการแสดง Thailand Pavilion และโซน 4 ภาค ซึ่งจะสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของงานที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดแสดงศิลปวัฒนธรรม นอกจากนี้ ภายในคูหายังมีการจัดแสดงสินค้าที่ได้รับรางวัล SMEs National Awards รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็น Product Champion ของแต่ละภาค เพื่อนำเสนอเป็นจุดเด่นของงาน

      
       ที่ผ่านมาประเทศไทยได้เข้าร่วมจัดงาน Thailand Commodities Fair and Tourism Culture Week ติดต่อกัน 2 ปี และเข้าร่วมจัดงาน Thailand Commodities (Shantou) Fair 2007 ประสบความสำเร็จอย่างดี มีผู้เข้าชมงานแต่ละวันมากกว่า 20,000 คน มีการเซ็นสัญญาซื้อขายรวม 8 ล้านเหรียญสหรัฐการแสดงสินค้าไทยในครั้งนี้ จะสามารถสร้างโอกาสให้แก่ทั้งผู้ประกอบการชาวไทยในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ เพิ่มยอดการส่งออก และลูกค้าชาวจีนได้พบกับสินค้าคุณภาพ ตรงตามความต้องการของตลาด โดยคาดว่าปีนี้จะเกิดการซื้อขายและสั่งสินค้าในงานเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมากกว่าร้อยละ 20 โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ

อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์