3.9K
6 ธันวาคม 2552
สสว.ซื้อแฟรนไชส์ไอศกรีม-กาแฟ ช่วยแรงงานเลิกจ้างหารายได้เลี้ยงชีพรายละ 2 หมื่นบาท-ใจดีไม่คิดดอก 2 ปี



นายภักดิ์ ทองส้ม รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอแนวทางให้ที่ประชุมคณะกรรมการ สสว. พิจารณาช่วยเหลือแรงงานที่ถูกภาคธุรกิจเลิกจ้าง โดย สสว. จะติดต่อซื้อแฟรนไชส์ยี่ห้อดังที่จำหน่ายสินค้าขนาดเล็กประเภท กาแฟ ไอศกรีม อาหาร เป็นต้น ราคา 20,000 บาท แล้วให้ผู้ถูกเลิกจ้างที่ได้ขึ้นทะเบียนกับ สสว. เบื้องต้นให้เวลาชำระเงิน 1-2 ปี โดยไม่คิดดอกเบี้ย ซึ่งเชื่อว่าช่วยสร้างรายได้แก่ผู้ว่างงานได้ระดับหนึ่งในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ที่สำคัญหากขายดีสามารถขยายกิจการได้เองโดยไม่ต้องกลับมาเป็นลูกจ้างอีกต่อไป
 

“งบประมาณที่จะส่งเสริมนั้นจะเสนอคณะกรรมการ สสว. ขอใช้เงินส่วนหนึ่งที่ค้างจากปีก่อน 1,000 ล้านบาท และหลังจากที่คืนเงินแล้ว สสว. ก็จะไปซื้อแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่ขึ้นทะเบียนรอคนอื่น เบื้องต้น สสว. จะต้องฝึกอบรมการบริหารและการตลาด รวมถึงวิธีการจำหน่ายสินค้าเพื่อให้ผู้ว่างงานเป็นมืออาชีพมากขึ้น ส่วนการชำระหนี้หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นก็จะขยายเวลาออกอีก ขณะเดียวกัน คงต้องประสานกับส่วนราชการท้องถิ่นเพื่อติดตามผู้ขอรับความช่วยเหลือด้วย เพราะ สสว. มีเจ้าหน้าที่น้อยคงติดตามไม่ได้ทั้งหมด”


 
นายภักดิ์กล่าวว่า นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธาน สสว. มอบหมายให้ สสว. เร่งจัดทำแผนการรับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจที่มีต่อธุรกิจ เอสเอ็มอี เพราะเชื่อว่ารายเล็กจะได้รับผลกระทบอย่างมากในปีหน้าทั้งความวุ่นวายทางการเมืองและเศรษฐกิจ โลกชะลอตัว เนื่องจากล่าสุดนักลงทุนต่างชาติชะลอแผนการลงทุนในไทยทำให้รายได้จากการป้อนวัตถุดิบหายไปจำนวนหนึ่ง

     
ทั้งนี้แนวโน้มการปิดกิจการเอสเอ็มอีมีสูงเกิน 5% โดยเฉลี่ยทั้งที่อยู่ในระบบและนอกระบบ 1 แสน ราย ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเกิน โดยประเภทที่มีความเสี่ยงมากมี 4 กลุ่ม คือผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า การก่อสร้าง การท่องเที่ยว และผู้ผลิตสินค้าพื้นเมือง แต่ข้อมูลล่าสุดยังไม่ถือว่าร้ายแรงเพราะยังมีเอสเอ็มอีที่เปิดกิจการมากกว่าที่ปิดกิจการ

 
“แผนรับมือผลกระทบของเอสเอ็มอีจะไม่ช่วยเหลือเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะปัญหาของเอสเอ็มอีแต่ละรายแตกต่างกันไป เบื้องต้นคงเน้นแพ็กเกจที่ครอบคลุมทั้งเรื่องการตลาด การเงิน องค์ความรู้ทางธุรกิจและเทคโนโลยี ซึ่ง สสว. จะจัดให้มีนักวิเคราะห์เพื่อไปช่วยแก้ปัญหา โดยก่อนหน้านี้ นายโอฬาร ไชยประวัติ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ สสว. สำรวจผลกระทบเพราะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะมีปัญหามากกว่าเอสเอ็มอีกลุ่มอื่น”


 
นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปีหน้าเป็นห่วงเอสเอ็มอีมาก เนื่องจากเป็นผู้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจ และได้รับรายงานว่านักลงทุนต่างชาติจะชะลอการนำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในไทยอีก 6 เดือน เพื่อรอดูสถานการณ์การเมืองในไทยก่อน ดังนั้นจะส่งผลต่อธุรกิจเอสเอ็มอี สูญเสียรายได้จากการป้อนวัตถุดิบส่งให้ผู้ผลิตรายใหญ่ชาวต่างชาติไประยะหนึ่ง 

 



ก่อนหน้านี้นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการโครงการศึกษาวิเคราะห์และเตือนภัยเอสเอ็มอีรายสาขา สสว. ระบุว่า ปี 52 จะมีธุรกิจ 15 อุตสาหกรรม อยู่ในเกณฑ์อันตรายที่เสี่ยงต่อการดำเนินกิจการและการลดคนงาน จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เช่น สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มคาดว่า ลดคนงานอีก 40,961 ราย, บริการให้เช่าสินทรัพย์ และบริการทั่วไปลดคน 24,376 ราย,  หนังและผลิตภัณฑ์หนัง ลดคน 4,809 ราย, เฟอร์นิเจอร์ลดคน 3,674 ราย, แร่อโลหะใช้ก่อสร้างลดคน 4,265 ราย, อิเล็กทรอนิกส์ ลดคน 2,367 ราย, แก้วและเซรามิกลดคน 479 ราย, เครื่องใช้ไฟฟ้าลดคน 4,741 คน

 
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจทำให้ตลาดการค้าหดตัวเล็กลง เนื่องจากกำลังซื้อลดลง ภาคเอกชนจึงต้องปรับตัวหาตลาดใหม่เพื่อทดแทนการชะลอตัวของตลาดหลัก โดยตลาดอาเซียนเป็นตลาดที่เอกชนควรจะมุ่งไปมากที่สุด เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ








 



อ้างอิงจาก เดลินิวส์



 

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,305
PLAY Q by CST bright u..
1,339
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
953
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
950
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
800
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
770
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด