2.9K
5 ตุลาคม 2558
แคทคิดสตัน เร่งบุกเอเชีย ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์..บริษัทแม่ขอลุยเอง



ในขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังปรับตัวดีขึ้นด้วยสัญญาณบวกหลายตัวทั้ง GDP ไตรมาสแรกขยายตัวได้ 1.0% และอัตราการใช้จ่ายภาคธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 7.40% รวมถึงรายได้ครัวเรือนและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงขึ้นในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา รวมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หลั่งไหลเข้าในระดับเกือบ 2 ล้านคนต่อเดือน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ช่วงนี้ แบรนด์สินค้าและบริการจะหันมาเพิ่มน้ำหนักให้กับธุรกิจของตนในแดนอาทิตย์อุทัย

ล่าสุด สำนักข่าว "เดอะ เทเลกราฟ" รายงานว่า "แคทคิดสตัน" (Cath Kidston) แบรนด์แฟชั่น และของแต่งบ้าน จากประเทศอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันมีสาขากว่า 200 แห่ง ใน 16 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ได้ประกาศซื้อคืนร้านสาขาของตนในประเทศญี่ปุ่นทั้ง 31 สาขา จากบริษัท "ซาเนย์ อินเตอร์เนชั่นแนล" (Sanei International) ผู้ถือสิทธิ์ทำตลาดแบรนด์ "แคทคิดสตัน" ในประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2011 ด้วยจำนวนเงินที่ไม่เปิดเผย พร้อมตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 2 เท่า

 

 
"นีล แฮริงตัน" หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของแคทคิดสตัน กล่าวว่า "ซาเนย์ อินเตอร์เนชั่นแนล" ได้ยอมรับข้อเสนอซื้อสิทธิ์ครั้งนี้แล้ว แม้ตามสัญญาเดิมจะยังคงมีสิทธิ์บริหารแบรนด์ "แคทคิดสตัน" ต่อไปจนถึง ม.ค. 2016 ก็ตาม

โดยสัญญาเช่าร้านค้าและสต๊อกสินค้าทั้งหมดจะถูกโอนมายัง "แคทคิดสตัน เจแปน" (Cath Kidston Japan) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ตั้งขึ้นใหม่ ในเดือน ก.ย. 2015 นี้

อย่างไรก็ตามในช่วงแรกหลังจากโอนสิทธิ์ มีความเป็นไปได้ที่บริษัทอาจจำต้องปิดบางสาขาลง เนื่องจากปัญหาในการต่อสัญญาเช่าพื้นที่

 

 
ทั้งนี้ ปัจจุบันญี่ปุ่นเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของแบรนด์อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีศักยภาพในการเติบโตด้านขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ และจำนวนประชากรที่มากกว่าสหราชอาณาจักรถึง 2 เท่า สะท้อนจากยอดขายที่เติบโตเฉลี่ย 17% ทุกปี ตั้งแต่ปี 2011 จากสินค้าหลักคือ ของตกแต่งบ้าน กระเป๋า และเสื้อผ้าเด็ก จนมีรายได้เป็น 1 ใน 5 ของรายได้รวมนอกประเทศ และจำนวนสาขาในญี่ปุ่นที่มีถึง 31 สาขา ในเวลาแค่ 9 ปี ในขณะที่ประเทศบ้านเกิดแม้จะก่อตั้งมานาน 22 ปี แต่มีเพียง 65 สาขาเท่านั้น

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นถือยังเป็นกุญแจสำคัญในกลยุทธ์ขยายแบรนด์ในภูมิภาคเอเชีย ตามยุทธ์ศาสตร์ที่ได้ประกาศไปเมื่อปี 2014 หลังจากกลุ่มทุนบาร์ริ่ง เอเชีย (Baring Private Equity Asia) เข้ามาถือหุ้นในแคทคิดสตันอีกด้วย โดยเมื่อเดือน เม.ย. บริษัทได้เปิดสาขาที่ 200 ไปแล้ว นับว่าเป็นการเติบแบบโตก้าวกระโดดจากจำนวน 100 สาขาในเดือน ก.ค. 2014 พร้อมกับผลประกอบการปีงบฯ ก่อนที่สิ้นสุดเมื่อ 30 มี.ค. 2014 ซึ่งยอดขายปลีกนอกประเทศเติบโต 37% แตะ 46 ล้านปอนด์ส่วนรายได้รวมเติบโต 10% คิดเป็นมูลค่า 116 ล้านปอนด์

 

"ในปี 2016 จะเป็นวาระครบรอบ 10 ปีของการทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยการเปิดสาขาแรกในกรุงโตเกียว โดยบริษัทมีแผนจะจัดกิจกรรมใหญ่ในโอกาสนี้ด้วย"

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการซื้อคืนธุรกิจจากดิสทริบิวเตอร์ในญี่ปุ่น และมีโรดแมปที่จะเน้นทำตลาดเอเชียมากขึ้น แต่ "นีล แฮริงตัน" ยืนยันว่า ในเวลาอันใกล้นี้บริษัทไม่มีแผนเข้าทำตลาดด้วยตนเองในประเทศอื่น ๆ อีก ตรงกันข้ามจะมีการต่ออายุสัญญาแฟรนไชส์ในหลายประเทศอีกด้วย

หลังจากนี้ต้องรอดูว่า ทิศทางของ "แคทคิดสตัน" ในญี่ปุ่น หลังบริษัทแม่เข้ามาทำตลาดเองจะเป็นอย่างไร รวมถึงปฏิกิริยาของคู่แข่งรายอื่น ๆ ด้วย และจุดสำคัญคือ บริษัทจะใช้ประโยชน์จากวาระครบรอบ 10 ปี ในปี 2016 ให้เป็นประโยชน์กับตลาดญี่ปุ่นได้มากเพียงใด


อ้างอิงจาก  ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
5,984
PLAY Q by CST bright u..
1,290
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
945
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
941
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
790
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
768
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด