2.7K
7 พฤษภาคม 2558
ซีพีเอฟ มุ่งขยาย “ห้าดาว” รองรับตลาดในเวียดนามและอินเดียที่เติบโตรวดเร็ว



นายซานจีฟ แพนท์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อินเดีย จำกัด ผู้ดูแลธุรกิจ “ห้าดาว” ในประเทศอินเดียและเวียดนาม เปิดเผยว่า ปี 2558 นี้ซีพีเอฟยังมุ่งขยายธุรกิจห้าดาวในเวียดนามและอินเดียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีและการขยายตัวในธุรกิจอาหารของทั้งสองประเทศ และเน้นการสร้างแบรนด์ “ห้าดาว” ให้มีความเป็นสากลเหมือนกันทุกประเทศ
      
“ตลาดอาหารในเวียดนามและอินเดียมีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยเศรษฐกิจเติบโตดี ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่นิยมการรับประทานอาหารนอกบ้าน และอาหารสำเร็จรูปขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญจากการเข้าไปลงทุนในประเทศดังกล่าวมากว่า 20 ปี จึงสามารถควบคุมคุณภาพสินค้า และความสะอาด สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่ต้นทาง

ในปีนี้ธุรกิจห้าดาวจึงตั้งเป้าขยายสาขาห้าดาวในทั้ง 2 ประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในเวียดนามปีนี้ตั้งเป้าจะขยายซุ้มห้าดาวเพิ่มเป็น 1,000-1,200 สาขาทั่วประเทศ ขณะที่อินเดีย คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีร้านห้าดาวในรูปแบบฟาสต์ฟูดขนาดเล็กเพิ่มเป็น 300 สาขา” นายซานจีฟกล่าว
      
ในอินเดีย เมื่อปลายปี 2556 ที่ผ่านมา ซีพีเอฟได้นำ “ห้าดาว” เปิดตัวเข้าสู่ธุรกิจอาหารในอินเดีย โดยในช่วงแรกร้านห้าดาวจะมีรูปแบบเป็นซุ้มเหมือนประเทศไทย แต่ผู้บริโภคอินเดียรู้สึกไม่นิยมซื้อร้านค้าริมถนน ธุรกิจห้าดาวจึงปรับรูปแบบใหม่ เป็นร้านฟาสต์ฟูดขนาดเล็กพื้นที่ประมาณ 10 ตารางเมตร และคงราคาขายเดิมไว้ ปรากฏว่าร้านห้าดาวได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคชาวอินเดีย

ปัจจุบันมีสาขาห้าดาว 265 สาขาในเมืองใหญ่ของ 4 รัฐที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ คาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 300 สาขา และจะมีการขยายธุรกิจเข้าไปในภาคตะวันตกของประเทศ ตั้งเป้าใน 3 ปีข้างหน้า หรือในปี 2560 ห้าดาวจะมีครบ 500 สาขา ในจำนวนดังกล่าวเป็นสัดส่วนแฟรนไชส์ร้อยละ 90

      
ร้านห้าดาวในอินเดียส่วนใหญ่อยู่ในรัฐที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย ได้แก่ รัฐกรณาฏกะ (Karnataka) ซึ่งมีเมืองใหญ่ เช่น เมืองเบงกาลอร์ (Bengaluru) เมืองเชนไน (Chennai) โกชี (Kochi) เป็นต้น และภายใน 2 ปีข้างหน้าธุรกิจห้าดาวจะนำแบรนด์ “ห้าดาว” รุกขยายเข้าไปในเมืองใหญ่ในรัฐเตลันกานา (Telangana) และรัฐอานธรประเทศ (Andhra Pradesh) เป็นหลัก ขณะนี้บริษัทได้เข้าไปเปิดร้านห้าดาว 3 สาขาแล้วที่เมืองไฮเดอราบาด ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ เภสัชกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ
      
ทั้งนี้ ในการลงทุนธุรกิจห้าดาวในอินเดีย นับตั้งแต่ปี 2556 ซีพีเอฟได้ใช้งบลงทุน 1 พันล้านบาทสำหรับลงทุนโรงงานแปรรูปไก่ที่เบงกาลอร์ สำหรับผลิตวัตถุดิบป้อนร้านห้าดาว ซึ่งปัจจุบันผลิตไก่ได้วันละ 10,000 ตัว และในปีนี้เราได้จัดสรรงบลงทุนอีกประมาณ 1,000 ล้านบาทสำหรับการขยายธุรกิจอาหารในอินเดียในระยะที่สอง เพื่อจะสร้างโรงงานแปรรูปแห่งที่สองในปี 2559 และนำเทคโนโลยีการเป่าลมเย็น (Air-Chill Technology) มาใช้ในการยืดอายุการเก็บรักษาสินค้า

ซึ่งนับเป็นเรื่องใหม่ในวงการอาหารของอินเดีย โรงงานแห่งใหม่ซึ่งจะมีกำลังการผลิตเนื้อไก่ประมาณ 20,000-30,000 ตัวต่อวัน เพื่อรองรับการขยายสาขาร้านห้าดาว และรองรับการขยายตัวธุรกิจอาหารแปรรูปในรูปแบบเนื้อไก่สดและอาหารสำเร็จรูปแช่เย็นและแช่แข็งในบรรจุภัณฑ์มาตรฐาน ภายใต้แบรนด์ “ซีพี” เพื่อจำหน่ายในตลาดอินเดีย
      
“การขยายเข้าสู่ตลาดอาหารแปรรูปนับเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการเติบโตธุรกิจอาหารของซีพีเอฟในอินเดีย ทั้งนี้ ในปีหน้าเราเตรียมจะจัดจำหน่ายอาหารแปรรูปในบรรจุภัณฑ์แบรนด์ “ซีพี” โดยจะเน้นลูกค้าเป็นธุรกิจร้านอาหาร และโมเดิร์นเทรด เป็นหลัก และขยายธุรกิจห้าดาวเพิ่มขึ้นในพื้นที่ทางภาคตะวันตกของอินเดีย เช่น บังกาลอร์ ไฮเดอราบาด โกจี เป็นต้น” นายซานจีฟกล่าว
      

 
ขณะที่ธุรกิจห้าดาวในเวียดนามที่ซีพีเข้าไปทำตลาดมากว่า 5 ปีแล้ว ด้วยรูปแบบซุ้มห้าดาว (Kiosk) เหมือนกับซุ้มขายในประเทศไทย มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันในเวียดนามมีซุ้มห้าดาว 605 จุด ส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้ และภาคเหนือของเวียดนาม โดยในปีนี้วางเป้าหมายเพิ่มขึ้น “เท่าตัว” หรือ 1,000-1,200 กระจายการขยายสาขาทั่วประเทศ ทั้งนี้ การขยายสาขาห้าดาวสอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนของ ซี.พี.เวียดนามที่เน้นขยายธุรกิจอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานในประเทศเวียดนามเป็นหลัก
      
นอกจากนี้ เวียดนามยังได้นำร่องเปิดร้านห้าดาวในรูปแบบร้านอาหารฟาสต์ฟูดขนาดเล็ก (Quick Service Restaurant : QSR) ในรูปแบบเดียวกันกับร้านในประเทศอินเดียไปแล้ว 2 สาขาในเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ และได้การตอบรับที่ดี และในปีนี้จึงตั้งใจที่จะเปิดร้านห้าดาวในรูปแบบฟาสต์ฟูดขนาดเล็กในเวียดนามเพิ่มเป็น 10 สาขาอีกด้วย
      
นายซานจีฟกล่าวต่ออีกว่า ปัจจัยพื้นฐานของประเทศเวียดนามและอินเดียมีความคล้ายคลึงกัน เศรษฐกิจของประเทศมีศักยภาพมากและมีโอกาสเติบโตสูง ประชากรมีความรู้และรายได้ต่อหัวมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งส่งผลให้คนเวียดนามและอินเดียมีกำลังการซื้อมากขึ้น ปัจจุบันอายุเฉลี่ยของประชากรทั้งสองประเทศอยู่ที่ 29-30 ปี ถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในวัยทำงานซึ่งมีพฤติกรรมการบริโภคนิยมการรับประทานอาหารนอกบ้าน ขณะที่ “ห้าดาว” มุ่งตอบโจทย์ลูกค้าที่เป็นคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาและวัยเริ่มต้นทำงานที่ต้องการบริโภคสินค้ารสชาติอร่อย มีคุณภาพสูง และในราคาที่สมเหตุสมผล ภายใต้แนวคิด ห้าดาวนำเสนอ “อาหารที่อร่อย มีคุณภาพสูง ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด” แก่ผู้บริโภค

อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปั้นหมอ Academy เปิดสา..
1,618
ไจแอ้น ลูกชิ้นปลาระเบิ..
1,486
ชีสซี่ฟรายสแน็ค! ลงทุน..
1,136
บุราณ ขนมดอกบัวชาววังใ..
1,065
NextGen Franchise: ยกร..
557
คอลล่าที เปิดสาขาใหม่ ..
523
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด