2.0K
24 มกราคม 2558
4 สมาคมSMEs ทำใจเศรษฐกิจปีนี้ เชื่อมั่นปีหน้าเตรียมบุกเออีซี-ค้าชายแดน


4 สมาคมเอสเอ็มอีทำใจเศรษฐกิจปีนี้ เชื่อมั่นปีหน้าเศรษฐกิจฟื้น เตรียมแผนรับมือเออีซี ขยายสาขา เจาะค้าชายแดน ตลาดรากหญ้าพร้อมรับสินค้าราคาประหยัด


นายอมรชัย นาคศุภมิตร นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทยกล่าวว่า ปีนี้สมาคมติดลบกว่า 5% หรือมูลค่าไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวม 9,000 ล้านบาท โดยตลาดในประเทศกระทบหนักเพราะมูลค่าตลาด 2,000 ล้านบาท หลักๆ จะมาจากยอดขายปลายปี ในเทศกาลต่างๆ คริสต์มาส ปีใหม่ วันเด็ก สูงถึง 50% แต่ปีนี้ยอดหดเหลือแค่ 30% จากเดิม ส่วนภาคการส่งออกติดลบ 2% ของมูลค่าตลาดส่งออก 7,000 ล้านบาท เนื่องจากตลาดยุโรปและอเมริกายังไม่ฟื้นตัว

สำหรับปี 2558 นายอมรชัย มองว่า ทิศทางอุตสาหกรรมของเล่นไทยน่าจะมีโอกาสดีขึ้น โดยคาดว่าจะทำตลาดอาเซียน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย และเวียดนาม


"ในอินโดนีเซียจะเน้นผลิตเป็นโออีเอ็ม มากกว่า อินโดนีเซียเองประชากรเริ่มมีรายได้ มีการศึกษาจึงหันมาบริโภคสินค้าที่มีคุณภาพ มีดีไซน์ ซึ่งสินค้าจากไทยนับว่าเป็นสินค้าที่ทางประเทศอินโดนีเซียให้ความสนใจ และเชื่อมั่น ที่ผ่านมาทางสมาคมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ได้โรดโชว์ไปยังประเทศที่มีศักยภาพ เช่น อินโดนีเซีย และเวียดนาม เกิดการจับคู่ทางธุรกิจโดยสามารถนำสินค้าไปจำหน่ายยังห้าง และจำหน่ายแบบโฮลเซลที่ประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซียแล้วบ้าง"

นายศิริชัย เลิศศิริมิตร นายกสมาคมของขวัญของชำร่วยไทยและของตกแต่งบ้านกล่าวว่า "สำหรับปีนี้มูลค่ารวมของสินค้าของขวัญของชำร่วย และของตกแต่งบ้านรวม 100,000 ล้านบาท/ปี เติบโตเพียง 1.5% ส่วนปีหน้าคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้มากกว่า 2%"

เนื่องจากปัจจัยบวกคือ 1.การเมืองอาจที่มีความนิ่งมากขึ้น ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจในการจับจ่าย 2.องค์กรต่างๆ จะทำโปรโมชั่นเพื่อเรียกคืนยอดขายที่หดหายในช่วงปีที่ผ่านมา โดยการลดแลกแจกแถมพ่วงสินค้าเพื่อกระตุ้นการซื้อของลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะมีการแข่งขันกันดุเดือด และอัดโปรโมชั่นกันรุนแรงแน่นอน โดยคาดว่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท

 

ส่วนตลาดต่างประเทศนั้น ผู้ประกอบการเองก็มีการปรับตัวด้วยการหันมาหาตลาดใหม่เป็นกลุ่มเออีซี ซึ่งจะเป็นสินค้าที่ราคาย่อมเยาว์ ขณะที่จีน ญี่ปุ่น เน้นสินค้ามีดีไซน์ โดยช่องทางหลักคือการบุกงานอีเวนต์ การจับคู่ธุรกิจโดยตรง และการค้าผ่านออนไลน์

ด้านสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ นายนคร สังขรัตน์ กรรมการฝ่ายวิชาการ สมาคมกล่าวว่า ในปีนี้ภาพรวมธุรกิจแฟรนไชส์เติบโตอยู่ที่ 10% จากปกติที่อยู่ที่ 15% เป็นอย่างน้อย โดยมีปัจจัยสำคัญคือ มีธุรกิจแฟรนไชส์รายเล็กรายกลางจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาดในประเทศไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแฟรนไชส์อาหารจากสิงคโปร์ แฟรนไชส์ขายตรงจากมาเลเซีย และเป็นธุรกิจบริการที่คนไทยยังไม่จับ เช่น ธุรกิจรับซักรีด ธุรกิจสอนภาษาไทยให้แก่คนต่างชาติ (แรงงาน) เป็นต้น

ส่วนในปีหน้าทางสมาคมคาดการณ์ว่า จะสามารถเติบโตมากกว่า 10% หรือราว 3 หมื่นล้านบาท โดยสาเหตุมาจากกระแสคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และธุรกิจแฟรนไชส์เป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงต่ำ นอกจากนี้ แฟรนไชส์ไทยเริ่มไปเปิดตลาดชายแดนเพิ่มมากขึ้น เช่น แบรนด์โชคดีติ่มซำ ร้านอาหารมอแกน โมลี่แคร์ ซึ่งเข้าไปบุกตลาดเออีซีจนเปิดสาขาได้มาก ส่วนกระแสแฟรนไชส์ที่มีแนวโน้มเติบโตในไทยทั้งแบรนด์ไทยและต่างประเทศ อันดับหนึ่งคงยังเป็นแฟรนไชส์เครื่องสำอาง รองลงมาคือ อาหาร และอันดับสามคือ เรื่องการศึกษา เพราะขณะนี้ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยมากขึ้น

นายเชษฐ์ รุ่งชวาลนนท์ เลขานุการและผู้จัดการสมาคมการค้าเครื่องใช้ในครัวเรือนไทย กล่าวถึงสถานการณ์ของสมาคมว่า ต้นปีนี้ติดลบมากกว่า 10% ตลอด 5 เดือน แต่ได้ยอดช่วงปลายปีที่เติบโตดี สามารถกระตุกยอดทั้งปีทำให้หลุดจากภาวะติดลบได้ ซึ่งตลาดหลักของสินค้าเป็นตลาดภายในประเทศถึง 60% ส่วนตลาดส่งออกอยู่ที่ 40% จากตลาดรวมทั้งหมด 6,400 ล้านบาท

ส่วนในปี 2558 สมาคมตั้งเป้าเติบโต 5% โดยมีแผนเปิดตลาดการค้าชายแดนให้มากขึ้น ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในการจัดงานแฟร์ แสดงสินค้าให้ผู้ประกอบการทั้งห้าง ร้านค้าปลีก/ส่งในประเทศกลุ่มอาเซียนได้เข้ามาติดต่อค้าขายกับผู้ผลิตโดยตรง

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
980
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
667
“เติมพลังความรู้” กับ ..
599
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
571
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
561
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
523
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด