|
|
|
|
3 ธันวาคม 2557 |
ชี้ธุรกิจใหญ่หวังโตทางลัด เบนเข็มควบรวม ‘เอสเอ็มอี’
แบงก์กสิกรไทย ชี้สัญญาณธุรกิจรายใหญ่เปลี่ยนวิธีโต เน้นฮุบธุรกิจรายกลางอ่อนแรงแทนขยายการลงทุน เหตุดีมานด์เริ่มอิ่มตัว ยันญี่ปุ่นสนใจไทยขยายฐานผลิต หลังรับอานิสงส์พันธมิตรส่งลูกค้าให้มีพอร์ตกว่า 2 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้าปี 58 สินเชื่อโต 1.2 เท่าของจีดีพี
นายสำมิตร สกุลวิระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจสินเชื่อขนาดใหญ่ในปี 2558 จะเริ่มกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง หลังจากในปีนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ระมัดระวังไม่กล้าลงทุนเพิ่ม ทั้งนี้การเติบโตจะเป็นในลักษณะการควบรวมกิจการ (M&A) ระหว่างธุรกิจขนาดใหญ่เข้าซื้อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อาหาร ตลอดจนสัญญาณการออกไปลงทุนในต่างประเทศ
เนื่องจากตลาดในประเทศเริ่มอิ่มตัวและไม่สามารถขยายต่อไปได้มากนัก รวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีก็มีความอ่อนแอลงไป จึงเป็นโอกาสที่ธุรกิจขนาดใหญ่จะขยายตลาดโดยการควบรวมกิจการแทนการขยายการลงทุน
ทั้งนี้รูปแบบการควบรวมกิจการ ส่วนใหญ่จะเป็นการเข้ามาซื้อของต่างประเทศมากกว่าผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุน โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่เข้ามาซื้อและลงทุนชัดเจน จะอยู่ในกลุ่มธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ และอาหาร เป็นต้น ที่ผ่านมาธนาคารได้มีการติดตามลูกค้าในกลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความร่วมมือกับธนาคารท้องถิ่นในญี่ปุ่นที่ส่งลูกค้าเอสเอ็มอีเข้ามาลงทุนในธนาคาร โดยปัจจุบันสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ที่เข้ามาจากลูกค้าญี่ปุ่นมีประมาณ 2 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 70-80% เป็นลูกค้าที่มาจากความร่วมมือกับธนาคารท้องถิ่นในญี่ปุ่น
"ธุรกิจเอสเอ็มอีที่ฐานไม่ค่อยดี อาจจะโดนฮุบได้ เพราะตอนนี้ความต้องการสินเชื่อด้านการลงทุนยังไม่ชัดเจน แต่การออกไปซื้อเร็วและแรงกว่า เพราะเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้น จึงต้องออกไปซื้อเพื่อขยายลูกค้า ดังนั้นสินเชื่อรายใหญ่ปีหน้าจะเป็น M&A ส่วนการลงทุนมีแต่ยังคงไม่มาก เพราะดีมานด์ในและต่างประเทศยังไม่ดี จึงเป็นการซื้อเพื่อโตมากกว่า"
สำหรับเป้าหมายการเติบโตโดยปกติสินเชื่อจะขยายตัวตามสูตรอยู่ที่ 1.5 เท่าของจีดีพี ซึ่งในส่วนของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จะขยายตัวอยู่ประมาณ 1.2 เท่าของจีดีพี อาจจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับสินเชื่อรายย่อย หรือสินเชื่อเอสเอ็มอี เนื่องจากอัตราผลตอบแทน (Yield) จะน้อยกว่า ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธุรกิจขนาดใหญ่ไม่มีเลย เพราะเป็นสินเชื่อที่มีคุณภาพ
ล่าสุด ธนาคารร่วมเป็นพันธมิตรกับธนาคารอาโอโซระ ธนาคารชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญในการเป็นที่ปรึกษาด้าน M&A นับเป็นธนาคารพันธมิตรแห่งแรกที่มีการร่วมมือด้าน M&A และเป็นธนาคารพันธมิตรจากญี่ปุ่นลำดับที่ 29 ของธนาคารกสิกรไทย จะช่วยเสริมสร้างการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศและดึงดูดนักลงทุนญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีให้เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยมากขึ้น
อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ
|
|
|
