4.5K
25 ตุลาคม 2557
คลินิกความงามดักขาขึ้นผนึกพาร์ตเนอร์/ขยายสาขาปูพรมทั่วปท.



จับตาคลินิกความงามสาดโปรโมชัน ดัมพ์ราคาดุ  ส่งผลแบรนด์ระดับกลางปิดตัวร่วมพันแห่ง  เหลือแต่ระดับพรีเมียมและหมอกระเป๋า  "เดอะซิสเตอร์ สปริง"  มั่นใจปีหน้าธุรกิจอยู่ช่วงขาขึ้น เล็งขยายสาขาเต็มสูบ ก่อนผนึกพาร์ตเนอร์สร้างเครือข่ายงามแบบสำเร็จรูป

ด้าน "เดอะซิบ"  เทเงินอีก 20-30 ล้านขยายสาขาแห่งที่ 7 พร้อมนำเข้าเครื่องมือใหม่เสริมบริการ ขณะที่ "สกินิค คลินิก"  ชี้กระแสนิยมคลินิกความงามเฉพาะทางบูม เหตุตอบโจทย์ตรงความต้องการ

นางสาวเปรมินทร์ ญาณศิริ  ผู้บริหาร บริษัท ซิสเตอร์ สปริง จำกัด ผู้บริหารคลินิกความงามภายใต้ชื่อ "Sister Spring Clinic" เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจคลินิกความงามมีการแข่งขันสูงและมีผู้เล่นเข้ามาแข่งขันในตลาด กว่า 2.4 พันราย ส่งผลให้มีการแข่งขันด้านโปรโมชันและราคาสูง  ทำให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการลดลงตามไปด้วย  จึงเกิดผลกระทบที่ตามมาทำให้คลินิกระดับกลางหายไปยังร่วมพันราย 

ปัจจุบันเหลือแต่คลินิกเสริมความงามในระดับพรีเมียม และระดับล่างที่เป็นธุรกิจเสริมความงามเถื่อนหรือหมอกระเป๋า  ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจและการเมืองที่ผ่านมา  ส่งผลให้ตลาดในปีนี้ไม่เติบโตเท่าที่ควร

ส่วนแนวโน้มการเติบโตในปีหน้าประเมินว่า  เป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจเนื่องจากแบรนด์ที่เหลือรอดจะเน้นแข่งขันด้านคุณภาพเป็นหลัก   คาดว่าตลาดรวมปีหน้าจะมีการเติบโตที่ 20-30%  ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตในตลาด ทางสถาบันจึงได้ใช้จุดแข็งด้านการบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ความงามมานานกว่า 7-8 ปี และเปิดให้บริการสถาบันมาแล้วเป็นเวลา 4 ปี เดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง


"เราใช้หลักกลยุทธ์การบริหารแบบใกล้ชิด ใช้ความจริงใจกับลูกค้า  เพราะโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนรักความสวยความงาม และเคยเป็นผู้บริโภคความงามมาก่อน จึงเข้าใจหัวอกของคนที่อยากสวยว่าต้องการอะไร  อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าพอใจ เพราะเราก็เคยเป็นแบบลูกค้าเช่นเดียวกัน ดังนั้นการให้คำปรึกษากับลูกค้าด้วยความจริงใจ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Sister Spring Clinic"

ขณะที่แผนงานระยะยาวของบริษัทคือการเดินหน้าขยายสาขาให้ครบ 15 สาขาตามหัวเมืองใหญ่  เช่น  เชียงใหม่ , อุดรธานี , ชลบุรี , ภูเก็ต ภายใน 2 ปี ภายใต้งบประมาณการขยายสาขาที่ 3-5 ล้านบาท จากปัจจุบันที่บริษัทมีจำนวนสาขาอยู่ทั้งสิ้น 2 สาขา ได้แก่ สาขาหอการค้าไทย และสาขาสะพานควาย ก่อนและจะขยายเพิ่มอีก 1 สาขาที่อุดรธานี ในเดือนพฤศจิกายนนี้โดยรูปแบบการขยายสาขาจะเน้นการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจรูปแบบของแฟรนไชส์ ในการสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่ง โดยได้ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญร่วมสร้างเครือข่ายความงามแบบสำเร็จรูป

ปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายหลักที่เข้ามาใช้บริการในสถาบันจะเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน ที่มีอายุตั้งแต่ 25-35 ปี ขณะเดียวกันยังมีกลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 18-22 ปี เข้าใช้บริการในเรื่องของการดูแลสุขภาพผิว รักษาสิว เป็นหลัก โดยแบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าผู้หญิง 60% และ ผู้ชาย 40% เข้ามาใช้บริการดูแลสุขภาพผิวพรรณ 80% และศัลยกรรมความงาม 20% โดยประมาณ ด้านรายได้ตั้งเป้าว่าในปี 2558 จะมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจสูงขึ้น 50% จากปีนี้

ด้านพ.ญ.ดารินทร์ ม่วงไทย  ผู้อำนวยการบริหาร ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ภายใต้ชื่อ "เดอะซิบ คลินิก"  (The Sib Clinic) กล่าวว่า  การดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้   ได้เตรียมลงทุนขยายสาขาคลินิกแห่งใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาบางนา  ด้วยงบลงทุนประมาณ 20-30 ล้านบาท  ขนาดพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตร  เป็นสาขาที่ 7 จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 6 สาขา  สาขาดังกล่าวจะรองรับกับกลุ่มลูกค้าในโซนบางนา  จังหวัดสมุทรปราการ 



รวมถึงพื้นที่ด้านตะวันออก  อาทิ จังหวัดชลบุรี, จังหวัดระยอง เป็นต้น  เนื่องจากที่ผ่านมาได้เข้ามาใช้บริการกับทางคลินิกก่อนบ้างแล้ว  การขยายสาขาไปยังโซนดังกล่าวเพื่อให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึง  ซึ่งกลุ่มลูกค้าในโซนดังกล่าวถือว่ามีกำลังซื้อสูง

"นอกจากการขยายสาขาในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้แล้ว  ทางคลินิกยังเตรียมนำเข้าเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรมการให้บริการด้านความงาม   เป็นเครื่องมือด้านยกกระชับใบหน้า  จากสหรัฐอเมริกา  เพื่อให้บริการกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรับบริการด้านผิวพรรณ  ซึ่งคลินิกลงทุนกว่า 21 ล้านบาท  และช่วงที่ผ่านมาบริษัทเพิ่งเปิดการให้บริการในสาขา 6 ที่เซ็นทรัลพระราม 2 เป็นการรองรับกับกลุ่มลูกค้าในโซนพระราม 2 จังหวัดสมุทรสาคร และโซนจังหวัดเพชรบุรีด้วย"

สำหรับภาพรวมธุรกิจของคลินิกความงามยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง  ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการเมือง ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 30-40%  มีจำนวนลูกค้าใหม่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง  ในอัตรา 10-20% ต่อเดือน ปัจจุบันมีฐานลูกค้าทั้งหมดกว่า 5 หมื่นราย  และมีอัตราการใช้บริการเฉลี่ย 5 หมื่น- 1 แสนบาทต่อครั้ง  

ด้านการแข่งขันธุรกิจความงามปัจจุบันยังรุนแรง  ทั้งการแข่งขันด้านบริการและเทคโนโลยีการรักษา  ซึ่งคลินิกนอกจากจะให้บริการครบวงจร  ทั้งศัลยกรรมและความงามแล้ว  ยังจัดรายการส่งเสริมการขายเป็นระยะในช่วงเวลาต่างๆ  ด้วยส่วนลด 30-50%




ขณะที่น.พ.เจริญลักษณ์ คงดำเนิน ผู้ก่อตั้ง บริษัท สกินิค กรุ๊ป จำกัด  ผู้บริหารศูนย์เลเซอร์และความงาม "สกินิค คลินิก" กล่าวว่า  คลินิกความงามในรูปแบบเดิมๆ มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมลดลง และผู้บริโภคจะนิยมหันมาใช้บริการในคลินิกความงามเฉพาะทางมากขึ้น เพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้โดยตรง  โดยพบว่า คลินิกความงามในปัจจุบันจะเป็นนิช มาร์เก็ตมากขึ้น แตกต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนที่เน้นตลาดแมสหรือตลาดทั่วไป  ทำให้ผู้ประกอบการต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับความต้องการ เห็นได้จากการที่มีคลินิกความงามเฉพาะทางเกิดขึ้นมาก

ด้านแผนการลงทุนของสกินิค คลินิก จะเน้นการเปิดให้บริการในต่างจังหวัดเป็นหลัก หลังจากที่สาขาแรกเปิดให้บริการที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยในปีนี้บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านบาท สำหรับลงทุนเปิดสาขาใหม่ที่ขอนแก่น  5-10 ล้านบาท , พนมเปญ กัมพูชา  5-10 ล้านบาท  และเลียบทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์ ในรูปแบบแฟล็กชิพ สโตร์ ด้วยเงินลงทุน 20-30 ล้านบาท  โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้ราว 100 ล้านบาท

อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
963
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
664
“เติมพลังความรู้” กับ ..
596
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
567
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
558
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
522
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด