2.4K
27 กรกฎาคม 2557
กัลลิเวอร์ลุยเปิดแฟรนไชส์รถมือสอง ชู "พีเอสเอ" สร้างบรรทัดฐานราคา


ตลาดรถมือสองเริ่มได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบมาตั้งแต่ปี 2553 จากการเกิดขึ้นของอีโค คาร์ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นรถเล็ก แต่การที่มีราคาต่ำ และเป็นรถใหม่ป้ายแดง ทำให้คนไม่มีความรู้เรื่องรถมากนัก หรือไม่ต้องการเสี่ยงกับรถเก่าหันมาใช้กันจำนวนมาก

จากนั้นก็มีสิ่งที่กระทบตามมาอีกหลายอย่าง เช่น ปี 2554 เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ ทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าซื้อรถ เนื่องจากกลัวว่าจะเอารถที่ถูกน้ำท่วมมาขาย มาถึงโครงการรถคันแรกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีการคืนภาษีสูงสุด 1 แสนบาท มาล่อให้คนไปซื้อรถใหม่แทนรถเก่า และยังมีผลต่อเนื่องจากการที่รถเหล่านั้นเข้าสู่ตลาดมือสองมากขึ้น และซ้ำเติมด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดมือสอง คือ คนซื้อรถน้อยลง ผู้ค้าบางรายบอกว่าบางวันไม่มีผู้เข้ามาเต็นท์รถเลยแม้แต่คนเดียว ทำให้ยอดขายเฉลี่ยลดลงไปกว่า 50% ด้วยกัน

ผู้ค้ารายใหญ่อย่าง มาสเตอร์ เซอร์ติฟายด์ ยูสคาร์ บอกว่าช่วงที่ผ่านมามีผู้ค้าหายไปจากตลาดประมาณ 30% แต่การหายไป ก็อาจจะไม่ใช่เป็นการถาวร เป็นไปที่หลายคนรอเวลาดีๆ แล้วจึงกลับเข้าสู่วงการอีกครั้ง

แต่ในช่วงที่ตลาดรถมือสองถดถอย ผู้เล่นในตลาดไม่ซื้อรถเข้าเต็นท์ และบางรายปิดตัวไป แต่กลับมาการเคลื่อนไหวของผู้ค้ารายใหญ่จากต่างประเทศ ตัดสินใจเข้ามาเปิดตลาดในบ้านเรา นั่นก็คือ กัลลิเวอร์ (Gulliver) ผู้ดำเนินธุรกิจรถมือสองจากญี่ปุ่น ที่ร่วมทุนกับ วีกรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับรถยนต์ ซ่อมสี ขนส่ง และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์อีกหลายยี่ห้อ เป็นต้น

เริ่มแรกกัลลิเวอร์ เปิดโชว์รูมเพียงแห่งเดียวที่ถนนศรีนครินทร์ แต่ผู้บริหารสูงสุด คัทซึชิ โนมูระ บอกว่าเป้าหมายของกัลลิเวอร์ในปีนี้จะเปิดเพิ่มให้ได้เป็น 10 แห่ง โดยจะเปิดที่นครสวรรค์ เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี รวมถึง กรุงเทพฯและสมุทรปราการ


และสิ่งที่น่าสนใจในรูปแบบการขยายธุรกิจของกัลลิเวอร์ก็คือ การขายแแฟรนไชส์ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของวงการตลาดรถยนต์มือสอง

อาจจะมีคำถามว่าลักษณะของตลาดนี้ที่ต่างคนต่างทำ หรืออย่างมากก็คือ นักลงทุนรายเดียว เปิดบริการหลายสาขา ดังนั้นการขายแฟรนไชส์ในตลาดนี้ ซึ่งสินค้าไม่ได้เป็นของใหม่ที่มีคุณสมบัติเหมือนกันทุกคัน จะประสบความสำเร็จหรือ

โนมูระบอกว่าระบบนี้ได้ได้ผลมาแล้วในญี่ปุ่น ที่สามารถสร้างสาขาได้ถึง 500 สาขาภายใน 5 ปี และจะเพิ่มขึ้นเป็น 800 สาขาในปี 2560

ปัจจุบันในญี่ปุ่น กัลลิเวอร์ซื้อรถเข้ามาปีละประมาณ 2 แสนคัน และขายผ่านแฟรนไชส์ 6 หมื่นคัน ที่เหลือ 1.4 แสนคัน เป็นการขายส่ง ซึ่งในญี่ปุ่น กัลลิเวอร์เป็นชื่อที่ได้รับการยอมรับจากชาวญี่ปุ่นถึง 98% และเป็นหนึ่งใน 20 บริษัทที่คนญี่ปุ่นอยากจะทำงานด้วย

ซึ่งรูปแบบธุรกิจที่สำเร็จดังกล่าว ก็เชื่อว่าจะสำเร็จในไทยด้วยเช่นกัน และเชื่ออีกว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยเข้ามาซื้อแฟรนไชส์

และไม่เพียงแต่นักลงทุนไทยเท่านั้น แต่กลุ่มทุนจากญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจกับกัลลิเวอร์ ก็แสดงความประสงค์ที่จะเข้ามาลงทุน เนื่องจากเห็นว่าตลาดเปิด และมีโอกาสที่จะเติบโตได้ดีในอนาคต ซึ่งทางบริษัทก็จะคัดเลือกแฟรนไชส์จากญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนด้วยเช่นกัน

สำหรับระยะเวลาการคืนทุนนั้นหากมียอดขายเฉลี่ย 30-50 คัน/เดือน ก็จะใช้เวลาประมาณ 3 ปี 1 เดือน


โนมูระกล่าวว่า การขายแฟรนไชส์รถเก่า สิ่งสำคัญก็คือการขายระบบ ที่กัลลิเวอร์คิดค้นขึ้นมาเอง ก็คือ พีเอสเอ ซึ่งระบบนี้ในญี่ปุ่นนั้นได้รวบรวมข้อมูลลูกค้าไว้ถึง 3-4 ล้านราย ตลอด 20 ปี ส่วนในไทย ก็ได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลรถเก่าจากผู้ค้า ผู้ประมูลรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ทริปเปิล เอ,แมนไฮม์, แอปเปิล อ็อคชั่น หรือว่า สหการประมูล ซึ่งข้อมูลที่เก็บไว้ จะช่วยให้ลูกค้ามีข้อมูลในการซื้อขาย และมั่นใจได้ว่าราคาเป็นธรรม

และเมื่อนำ พีเอสเอ เข้ามาใช้ในไทย กับเวอร์ชั่น ภาษาไทย โมมูระบอกว่าทันสมัยมากกว่าที่ใช้ในญี่ปุ่น เพราะมีการป้อนข้อมูลเพิ่มเติม และง่ายต่อการใช้ สามารถใช้งานผ่านไอแพด เช่น เมื่อจะขายรถ พนักงานประเมินราคาจะสามารถป้อนข้อมูลรถยนต์เข้าไป เช่น ยี่ห้อ รุ่น เครื่องยนต์ อุปกรณ์มาตรฐาน ระยะการใช้งาน และยังสามารถถ่ายภาพ วีดิโอ เพื่อส่งไปให้ผู้จัดการประเมินราคา ก่อนส่งกลับมา เพื่อให้พนักงานต่อรองกับลูกค้าได้

ขณะที่เมื่อมีผู้จะซื้อรถ พนักงานก็จะเปิดข้อมูลของรถรุ่นดังกล่าวให้ดู พร้อมกับข้อมูลรถในรุ่นเดียวกัน ที่เก็บรวบรวมจากแหล่งมือสองต่างๆ ทำให้ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบรายละเอียดรถ และราคาได้อย่างรวดเร็ว

ซึ่งกัลลิเวอร์เห็นว่าหัวใจของธุรกิจมือสองคือ ความโปร่งใส และเป็นธรรม ซึ่งการใช้ระบบพีเอสเอ จะทำให้ลูกค้าได้ข้อมูล เป็นการประเมินราคาจากข้อมูล ไม่ใช่การตัดสินใจของใครบางคนเท่านั้น

"การประเมินด้วยการตัดสินใจของบางคน อาจจะไม่ได้อยู่บนพื้นฐานที่ถูกต้อง เช่น เมื่อมีผู้จะนำรถมาขาย เช่น เป็นผู้หญิงที่ดูท่าทางไม่รู้เรื่องรถ กับ ผู้ชายที่ดูรู้เรื่องรถดี ก็เชื่อได้ว่าจะได้ราคาที่ต่างกัน แต่โปรแกรม พีเอสเอ จะทำให้ทั้ง 2 คนได้ราคาที่ใกล้เคียงกัน" โนมูระกล่าว

อ้างอิงจาก กรุงเทพธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,180
PLAY Q by CST bright u..
1,322
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
945
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
945
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
793
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
769
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด