5.0K
13 พฤษภาคม 2557
อินโดฯเนื้อหอมธุรกิจไทยจ้องลุย


บิ๊กธุรกิจแนะเอสเอ็มอีเร่งขยายการค้า-ลงทุนยึดหัวหาดตลาดอินโดนีเซีย ชูอาหารฮาลาล ขนมไทย  ธุรกิจบริการศักยภาพสูง "พจน์" ชี้แหล่งวัตถุดิบชั้นเยี่ยมเหมาะกับการเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกขณะตลาดในประเทศมีขนาดใหญ่รองรับได้ดี "อินเด็กซ์-อีเอ็กซ์จี-จีวา" จ้องลุย

ภ.ญ.ชุลีรัตน์ ใจยอดศิลป์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยและดูแลสุขภาพผม "จีวา" ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพผม เปิดเผยว่า ตลาดอินโดนีเซียเป็นตลาดที่น่าสนใจมากแต่ที่ผ่านมาผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่ไม่เคยไปลองตลาด เนื่องจากมีข้อกังวลเรื่องการกีดกันทางการค้า  อย่างไรก็ดีบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาอินโดนีเซีย จากปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายยังประเทศลาว อินเดีย และประเทศในแถบยุโรป ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้บริโภคโดยกลุ่มเป้าหมายเป็นระดับกลาง-บน ที่มีกำลังซื้อและใส่ใจในสุขภาพผม

ขณะที่นายรักษ์ศักดิ์ โชติมงคลทรัพย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท อีเอ็กซ์จี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ส่งออกสินค้าอาหารประเภททูน่ากระป๋องกล่าวว่าที่ผ่านมาบริษัทมีส่งออกสินค้าไปเวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมถึงอินโดนีเซีย เนื่องจากมองว่าประเทศในแถบอาเซียนมีจำนวนประชากรค่อนข้างมากและส่วนใหญ่เป็นประเทศมุสลิม นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสทางการตลาดในประเทศเมียนมาร์ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีทรัพยากรจำนวนมากและเป็นประเทศเปิดใหม่เทคโนโลยียังไม่พัฒนาเท่าไทยน่าจะเป็นโอกาสหนึ่ง

"ธุรกิจของบริษัทเป็นธุรกิจครอบครัวผมเป็นรุ่นลูกก็มาสานต่อ การทำการตลาดต่างประเทศต้องรู้เขารู้เรา รู้ว่าเขาต้องการอะไร เราถึงจะอยู่รอดได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาเช่นนี้ อย่างการเมืองมีผลกระทบเยอะมาก โดยเฉพาะความเชื่อมั่น"

ด้านนายพจน์  อร่ามวัฒนานนท์  นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวย้ำว่า ขณะนี้อินโดนีเซียนับเป็นประเทศที่น่าลงทุนมาก ทั้งการเข้าไปแบบลงทุนเองและการหาผู้ร่วมทุน โดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอีที่สนใจจะเข้าไปลงทุนในอินโดนีเซีย โดยเฉพาะด้านบริการเนื่องจากปัจจุบันธุรกิจด้านการบริการของอินโดนีเซียยังขาดแคลนอยู่อีกมาก 


รวมถึงการผลิตอาหารฮาลาลที่ อินโดนีเซียมีประชากรที่เป็นชาวมุสลิมมากที่สุดในอาเซียนและมากที่สุดของโลก (ประชากร 285-300 ล้านคน มากเป็นอันดับ 4 ของโลกรองจากจีน อินเดีย และสหรัฐอเมริกา) อีกทั้งอินโดนีเซียยังเป็นแหล่งวัตถุดิบอาหารชั้นดี  ซึ่งจะเป็นฐานการผลิตที่ดีสำหรับการส่งออกอาหารฮาลาล และยังทำตลาดง่าย เพราะอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับด้านอาหารฮาลาล จะช่วยขยายการส่งออกได้ดี

"นักลงทุนไทยที่สนใจลงทุนในอินโดนีเซีย ควรทำการศึกษา หาผู้ร่วมทุนในตลาดจะเป็นการดี  เพราะหากไม่มีผู้ร่วมลงทุนในอินโดนีเซีย จะทำธุรกิจยากและลำบาก แต่หากผู้ประกอบการหาผู้ร่วมทุนได้จะเป็นเรื่องง่าย  แต่ควรมีการศึกษาประวัติด้วยก็เป็นเรื่องที่ดี  เพราะผู้ร่วมทุนจะเป็นตัวช่วยในการเจรจา การลงทุน ในประเทศได้ง่ายขึ้น  ลดความเสี่ยง การถูกโกงและการถูกเอาเปรียบ อีกทั้งด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็ควรที่จะศึกษาให้ดี  โดยเฉพาะการทำธุรกิจด้านอาหาร หรือสินค้าเกษตรในอินโดนีเซีย เพราะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาก แต่ทั้งนี้สินค้าของเราต้องมีจุดแข็งที่จะขายกับเขาได้ด้วย"

ขณะที่นายพีท น้อยอ่ำ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ต่างประเทศ บริษัท อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด กล่าวว่า ความต้องการสินค้าไทยในตลาดอินโดนีเซียยังมีปริมาณสูง แต่การทำธุรกิจในตลาดอินโดนีเซียจำเป็นต้องมีความรอบคอบและมีความพร้อมสูง เพราะกฎหมายจะเอื้อต่อผู้ค้าในประเทศอย่างมาก รวมถึงเรื่องของลิขสิทธิ์ที่ต้องเร่งดำเนินการทันที ส่วนธุรกิจที่มีแนวโน้มไปได้ดีคือ ขนมไทย ที่เป็นที่ต้องการของตลาดอินโดนีเซียอย่างมาก ซึ่งในส่วนของบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อตั้งอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ในอินโดนีเซียเช่นกัน

สำหรับอินโดนีเซียเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทยในกลุ่มอาเซียน รองจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ และเป็นตลาดส่งออกอันดับ 6 ของไทยในตลาดโลก โดยในปี 2556 การค้าไทย-อินโดนีเซียมีมูลค่า  1.57 แสนล้านบาท(ดูตารางประกอบ) สินค้าส่งออกของไทยไปอินโดนีเซีย 5 อันดับแรกประกอบด้วยรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เม็ดพลาสติก, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, น้ำตาลทราย และเคมีภัณฑ์ ขณะที่สินค้านำเข้าของไทยจากอินโดนีเซีย 5 อันดับแรกประกอบด้วย ถ่านหิน, รถยนต์นั่ง, น้ำมันดิบ, สินแร่โลหะอื่นๆ  เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ และเรือและสิ่งก่อสร้างลอยน้ำ

อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น เป..
5,071
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิดต..
4,100
เริ่มแล้ว! งานแฟรนไชส์..
2,896
แรงจริง! #แฟรนไชส์ ก๋ว..
1,632
ธงไชยผัดไทย ร่วมกับ 7-..
1,000
พบบูธ “ก๋วยเตี๋ยวเรือป..
986
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด