9.6K
10 พฤษภาคม 2557
ปรับ "ทรูช้อป" ย้ำคอนเวอร์เจนซ์เร่งเพิ่มสาขา


"กลุ่มทรู" ปรับปรุงช่องทางขาย ย้ำ ยุทธศาสตร์ "คอนเวอร์เจนซ์" พร้อมผนึกดีลเลอร์และเครือข่ายค้าปลีกไอที เร่งขยายสาขาทั่วประเทศอุดช่องว่างการตลาด เดินหน้าหั่นราคาเครื่องยกแผงทั้งบิ๊กแบรนด์-เฮาส์แบรนด์ขายพ่วงแพ็กเกจ 3G ปั๊มยอดเต็มสูบ

นายกิตติณัฐ ทีคะวรรณ ผู้อำนวยการธุรกิจรีเทล บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ได้วางแผนปรับปรุงและขยายสาขาร้านทรูช้อป โดยจะลงทุนปรับปรุงสินค้ากับการจัดการร้านใหม่เพื่อให้มีทุกสินค้าและบริการ จากเดิมบางบริการ เช่น ทรูออนไลน์ ไม่มีการแสดงให้เห็นความเร็วของไฮสปีดอินเทอร์เน็ตว่ามีประสิทธิภาพแค่ไหน จึงต้องมีการนำคอมพิวเตอร์ไปติดตั้ง และลากสายอินเทอร์เน็ตให้บริการตามความเร็วจริง ซึ่งมีการทยอยแก้ไขเกือบครบทุกสาขาแล้ว

ส่วนการขยายสาขา แยกออกเป็นสองรูปแบบ คือ ทรูช้อปขนาดใหญ่ มีสินค้าและบริการครบ เน้นเปิดในห้างสรรพสินค้าและในพื้นที่ที่มีประชาชนหนาแน่น บางแห่งมีบริการทรูคอฟฟี่ด้วย อีกรูปแบบเป็น "ทรู พาร์ทเนอร์" เป็นร้านย่อย มีขนาดเล็กกว่า แต่มีสินค้าและบริการแสดงเกือบทุกรุ่น เน้นต่างจังหวัด เพื่อตอบโจทย์การกระจายเข้าไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ปัจจุบันทรูช้อปมี 250 สาขา และทรูพาร์ทเนอร์ 130 สาขา

"ต้องขยายให้ครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกแม้ตอนนี้จะมีในพื้นที่หลัก ๆ ครบแล้วการจัดวางร้านต้องมีดิสเพลย์สินค้าในทรูช้อป 50-60% ของพื้นที่ร้าน ส่วนอื่นจะเป็นเคาน์เตอร์ชำระเงินหรือมีทรูคอฟฟี่รวมอยู่ด้วย ส่วนร้านทรูพาร์ทเนอร์ เป็นร้านของดีลเลอร์ ไม่มีค่าแฟรนไชส์รายปี ร้านรูปแบบนี้ไม่ได้เร่งขยายมากนัก ในภาพรวมสาขาทั้งหมดจะเพิ่มกว่า 400 แห่ง และรุกช่องทางขายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้นด้วย"


อย่างไรก็ตาม ในทรูช้อปมี 10% เป็นแฟรนไชส์ รวมถึงการไปขยายทรูช้อปภายในค้าปลีกไอที เช่น "บานาน่า ไอที" ในเบื้องต้นมี 40 สาขา ในร้านจะมีสินค้าและบริการบางส่วน พร้อมเคาน์เตอร์ชำระค่าบริการ ซึ่งการขยายสาขารูปแบบนี้จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปิดร้าน แต่ต้องบริหารสินค้าภายในร้านใหม่เพื่อให้มีสภาพคล่องสูงสุด

นายกิตติณัฐกล่าวถึงธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือด้วยว่า ทรูวางแผนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และแท็บเลตครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า เพื่อสร้างรายได้จากการจำหน่ายเครื่องเพิ่ม แม้ปีก่อนจะทำได้ดี ขณะที่ปีนี้คาดว่ามูลค่าจะมากกว่าปี 2556 ไม่มากนัก แต่จำนวนเครื่องจะเพิ่มจาก 12-13 ล้านเครื่องเป็น 18-19 ล้านเครื่อง โดยสมาร์ทโฟนมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็นครึ่งหนึ่ง เนื่องจากมีเครื่องระดับราคาปานกลาง (ระหว่าง 3,000-10,000 บาท) มากขึ้น

"ถ้ามองตลาดรวมต้องแบ่งเป็น 2 แบบคือ มูลค่ากับจำนวนเครื่อง ส่วนแรกคงไม่เพิ่ม เพราะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ราคาสมาร์ทโฟนระดับบนจะมีราคา 2 หมื่นบาทขึ้นไป เมื่อรวมฟีเจอร์โฟนจะมีมูลค่าน้อยกว่าปีนี้เล็กน้อย จากการที่ครึ่งหนึ่งเป็นสมาร์ทโฟน แต่รุ่นระดับกลางจะขายได้มากสุด ส่วนไฮเอนด์จะลดลง"

บริษัทเพิ่งวางจำหน่ายฟีเจอร์โฟน 3G รุ่นใหม่ ได้แก่ GoLive Facebook Phone ราคา 1,450 บาท มีปุ่มพิเศษเข้าใช้เฟซบุ๊กได้ทันที ตัวเครื่องเป็นบาร์ไทป์ หน้าจอใหญ่ แต่ไม่ใช่ทัชสกรีน รองรับ 3G พร้อมโปรโมชั่นให้ค่าโทร.เท่าราคาเครื่อง

สำหรับโปรโมชั่นลดค่าเครื่อง 50% ที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จะมีเครื่องให้เลือกหลากหลายรุ่น แต่ต้องเลือกแพ็กเกจรายเดือน 6-12 เดือน เช่น ไอโฟน 4S เหลือ 7,450 บาท ใช้คู่กับแพ็กเกจ 899 หรือ 999 บาท นาน 1 ปี

"กำลังซื้อในขณะนี้อาจมีลดลงบ้าง เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลระยะยาวทำให้การจำหน่ายมือถือในภาพรวมยังไปได้ดี ความต้องการสมาร์ทโฟนยังมีอีกมาก โดยผู้บริโภคขยายจากกลุ่มบนลงมาระดับกลางและล่างมากขึ้น จากราคาเครื่องที่ถูกลง การบริหารสต๊อกเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ คือจะทำอย่างไรให้ขายหมด ผู้บริโภคจะได้มาซื้อได้ตลอด เช่นร่วมกับเวนเดอร์เป็นดิสทริบิวเตอร์ทำตลาดบางรุ่น"

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
933
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
635
“เติมพลังความรู้” กับ ..
591
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
562
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
552
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
514
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด