นายธีระเดช จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์กรุ๊ป จำกัด หรือซีอาร์จี กล่าวว่า ซีอาร์จีได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ "เทนยะ" ร้านข้าวหน้าเทมปุระจากบริษัท รอยัล โฮลดิ้ง จำกัด บริษัทเจ้าของธุรกิจร้านข้าวหน้าเทมปุระอันดับ 1 ในญี่ปุ่นที่ให้สิทธิ์แฟรนไชส์กับไทยเป็นประเทศแรก เพราะคนไทยมีความคุ้นเคยกับเทมปุระเป็นอย่างดี แต่ปัจจุบันยังไม่มีร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทข้าวหน้าเทมปุระ หรือเทนด้งเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง 

 

ขณะที่โอกาสการเติบโตของอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยที่มีมูลค่าตลาด 17,000 ล้านบาท ยังเติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 15% ต่อปี ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งผู้บริโภคชาวไทยไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันมากขึ้น ทำให้คุ้นเคยกับร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีความเฉพาะทางมากขึ้น 

 

"สำหรับคนไทย อาหารญี่ปุ่นได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจากอาหารไทย โดยประเภทปิ้งย่าง ชาบู คือตัวผลักดันสำคัญที่ทำให้เชนร้านอาหารโดยรวมที่มีมูลค่ากว่า 90,000 ล้านบาทเติบโตที่ 13% สำหรับเทมปุระเป็นอีกเซ็กเมนต์ของอาหารญี่ปุ่นที่คนไทยคุ้นเคย ด้วยคนไทยนิยมรับประทานอาหารทอด" 
 

 
 

สำหรับราคาเฉลี่ยของอาหารในร้านอยู่ที่ 100-200 บาท เชื่อว่าเป็นราคาที่กลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นวัยทำงานตอนต้นและกลุ่มครอบครัวจะพึงพอใจ โดยระยะแรกจะเน้นการทำตลาดให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิม และใช้สื่อออนไลน์ในการสื่อสารเป็นหลัก 

 

บริษัทตั้งเป้าเปิดร้านเทนยะ 30 สาขาภายใน 5 ปี โดยสาขาแรกเปิดที่เซ็นทรัล บางนาเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และล่าสุดที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยภายในปี 2557 จะมีทั้งหมดประมาณ 10 สาขาทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ด้วยงบฯลงทุนกว่า 60 ล้านบาท เทนยะ เป็นแบรนด์ใหม่เพียงแบรนด์เดียวของเครือซีอาร์จีในปีนี้ที่เข้ามาเสริมทัพ

 

ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือถึง 6 แบรนด์ จากทั้งหมด 12 แบรนด์ โดยปีหน้าจะมีแบรนด์ร้านอาหารใหม่ที่ได้แฟรนไชส์มาอีก 1 แบรนด์ ซึ่งจะได้เห็นในไตรมาสที่ 3 และจะมีการซื้อกิจการร้านอาหารซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะใช้งบฯลงทุนในการซื้อกิจการประมาณ 500-1,000 ล้านบาท 

 

ปีหน้าซีอาร์จีจะใช้งบฯลงทุนเพิ่มจากปีนี้ 500 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท โดยเป็นงบฯ สำหรับการตลาด 500 ล้านบาท คาดจะเปิดทั้งหมด 90 สาขา ใกล้เคียงกับปีนี้ รายได้ซีอาร์จีปีนี้อยู่ที่กว่า 9,000 ล้านบาท สัดส่วนรายได้หลัก ๆ คือ เคเอฟซี, มิสเตอร์โดนัท, อานตี้ แอนส์, โอโตยะ และเปปเปอร์ ลันช์ ปีหน้าตั้งเป้าเติบโต 17% คิดเป็นรายได้ 11,000 ล้านบาท

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ