3.8K
1 มีนาคม 2556
เดอ มอนเต โอกาสกาแฟไทยในอาเซียน



ปัจจุบันคนไทยมีอัตราการดื่มกาแฟต่อคนประมาณ 200 แก้วต่อปี ซึ่งในปี 2558 ที่จะมีการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน คาดว่าคนไทยจะดื่มกาแฟเพิ่มขึ้น หากเทียบกับประเทศในอาเซียน ไทยเป็นผู้ส่งออกกาแฟอันดับ 3 รองจากเวียดนามที่ส่งออกเป็นอันดับ 2 และอินโดนีเซีย แต่พื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตมีแต่จะลดลง เนื่องจากมีการโค่นกาแฟในภาคใต้เพิ่มขึ้น
 
"เดอ มอนเต" กาแฟสัญชาติไทย ที่มีการนำกาแฟต่างสายพันธุ์มาผสมผสานเป็นกาแฟสูตรใหม่ ซึ่งเดิมมีชื่อว่า กาแฟภูน้ำหนาว เปิดเป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ตั้งแต่ปี 2549 ที่ อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ถึงปัจจุบันได้คิดค้นวิธีการพัฒนากาแฟสดเป็นกาแฟสำเร็จรูป เพื่อจะส่งออกสู่ประเทศในอาเซียนและประเทศจีน
 
นางพรรณภัทร กองจริต เจ้าของร้านกาแฟแบรนด์เดอ มอนเต กล่าวว่า ตอนนี้มีแฟรนไชส์ภายใต้แบรนด์ภูน้ำหนาวกว่า 60 สาขา ตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณปีละ 10 สาขา โดยก่อนหน้านี้ได้รับการอบรมจากโครงการการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม (คพอ.) จึงช่วยให้การบริหารธุรกิจมีศักยภาพและเป็นระบบมากขึ้น ปัจจุบันจะส่งออกกาแฟสำเร็จรูป จึงเข้าอบรมกับโครงการพัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีรูปลักษณ์ที่สวยงามขึ้น
 
 
"ตอนนี้มียอดสั่งซื้อจากจีนแล้ว ส่วนประเทศเวียดนามและพม่าอยู่ในระหว่างเจรจา ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของเราได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว อยู่ในขั้นตอนการผลิตเพื่อส่งออก ทำให้ต่อไปการแย่งชิงเมล็ดกาแฟจะเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันปลูกกาแฟอยู่ 20 ไร่ ผลผลิตไม่เพียงพอ เราต้องใช้กาแฟประมาณ 15 ตันต่อปี จึงต้องรับซื้อเพิ่มจากเกษตรกรใกล้เคียงประมาณ 10 ตัน และจะเพิ่มขึ้นอีก 5 ตันในเร็ว ๆ นี้ เพื่อขยายตลาดส่งออกในอาเซียน" นางพรรณภัทรกล่าว
 
นางพรรณภัทรกล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ต้องชักชวนให้คนในพื้นที่ใกล้เคียงหันมาปลูกกาแฟเพิ่มมากขึ้น เพราะกาแฟสามารถปลูกแซมกับต้นไม้ใหญ่ได้ เพราะกาแฟเป็นพืชที่ต้องการร่มเงาอยู่แล้ว ซึ่งปลูกกาแฟ 5 ไร่ จะให้ผลผลิต 1 ตัน หรือประมาณ 2 แสนบาทต่อปี โดยเริ่มปลูกครั้งแรก 3 ปีจะให้ผลผลิต จากนั้นจะให้ผลผลิตปีละครั้ง ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่ควรส่งเสริมเพราะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มาก เป็นโอกาสดีที่จะส่งเสริมให้เป็นสินค้าส่งออกเมื่อมีการเปิดเสรีอาเซียนแล้ว
 
ด้าน นางบุญเจือ วงษ์เกษม ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาผู้ประกอบการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันความต้องการบริโภคกาแฟของคนไทยมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2555 ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโรงงานแปรรูปสูงถึง 67,620 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2544 ถึง 9.99% คาดว่าปี 2556 จะเพิ่มขึ้นอีก 12% จากปีก่อน 
 
ซึ่งการผลิตของไทยที่ผ่านมาไม่เพียงพอต่อการบริโภค ต้องนำเข้าเมล็ดกาแฟมาจากต่างประเทศ แต่การนำเข้ายังไม่สูงนัก เพราะต้องเสียภาษีและต้องมีใบอนุญาตจากหน่วยงานราชการเท่านั้น 
 
แต่เมื่อไทยก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ปี 2558 ไทยต้องเปิดเสรีนำเข้าเมล็ดกาแฟจากอาเซียนโดยไม่มีภาษี ดังนั้น ทุกภาคส่วนจะต้องมีการพัฒนา เพื่อรองรับกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น

อ้างอิงจาก มติชน
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,242
PLAY Q by CST bright u..
1,334
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
951
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
949
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
797
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
770
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด