3.1K
22 เมษายน 2550
ถึงเวลาแฟรนไชส์ไทย! เคาะประตู 'อินเดีย'
 
 

ยิ่งเมื่อประเทศไทยเปิดเขตการค้าเสรีกับประเทศอินเดียด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ความน่าสนใจของตลาดนี้มากยิ่งขึ้นนับเท่าทวีคูณ 

แต่หนทางการทำธุรกิจในอินเดียอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะด้วยขนาดของประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล แบ่งเป็นหลายท้องถิ่น ประกอบกับคนที่มีทุกชนชั้นตั้งแต่รวยที่สุดถึงจนที่สุด ทำให้ผู้ที่คิดจะไปเปิดตลาดในอินเดียต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะการไปขยายธุรกิจด้วยการขายแฟรนไชส์ 

“วรมัน เฟื่องอารมย์” ผู้อำนวยการกองธุรกิจสนับสนุน กรมส่งเสริมการส่งออก ในฐานะหน่วยงานที่สนับสนุนธุรกิจแฟรนไชส์ไทยในการขยายออกสู่ต่างประเทศ ให้ข้อมูลว่าตลาดอินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียและของโลก ส่วนธุรกิจแฟรนไชส์ในอินเดียก็มีการเติบโตถึงปีละ 40% โดยมีมูลค่ากว่า 2.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมา

เศรษฐกิจอินเดียเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มแฟรนไชส์ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการขยายตัว และเป็นโมเดลธุรกิจที่มีความเหมาะสมกับชาวอินเดีย ประกอบกับชาวอินเดียก็มีกำลังและความสามารถมาก ทำให้เกิดโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ขึ้นมา”

โดยกลุ่มธุรกิจของไทยที่มีโอกาสในการไปทำตลาดด้วยการ ขายแฟรนไชส์ในอินเดียนั้น “วรมัน” บอกว่าเน้นที่ธุรกิจบริการ ซึ่งธุรกิจบริการไทยมีศักยภาพและพร้อมที่จะลงทุนในต่างประเทศอยู่แล้ว เช่นธุรกิจร้านอาหารไทย ธุรกิจสปา นวดแผนไทย และธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น
 
นอกจากนี้ยังมีธุรกิจเครื่องยนต์และชิ้นส่วน ธุรกิจก่อสร้าง อาหารแช่แข็ง ท่องเที่ยว และธุรกิจบริการอันได้แก่สุขภาพความงาม การศึกษา บันเทิง และร้านสะดวกซื้อ 
 
ทั้งนี้ เขากล่าวว่า ปัจจัยสำคัญของการรุกตลาดในต่างประเทศอย่างอินเดีย ให้ประสบความสำเร็จนั้น ผู้ประกอบการไทยควรมองหาเครือข่าย และพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ที่จะเอื้อให้การทำธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น
 
“ปัจจัยในการขยายแฟรนไชส์ในอินเดียให้ประสบความสำเร็จ จะต้องมีวงเงินการลงทุนไม่มากนัก มีทำเลที่ตั้งที่ดี เข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่น และมีความรู้ในตลาดอินเดียเป็นอย่างดี ผมจึงคิดว่าการหาพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการหาพาร์ทเนอร์ที่ดี เขาจะช่วยแนะนำเราได้
 
เพราะประเทศอินเดียแต่ละแคว้นคนไม่เหมือนกันเลย หากเราไม่รู้อะไรเลยก็อาจถูกหลอกได้ง่ายๆ หรือไม่ก็เสียเวลาหรือตัดสินใจผิดพลาด แต่ผู้ประกอบการไทยควรมองหาพาร์ทเนอร์ที่มีจุดแข็งในตลาดนั้นๆ อยู่แล้ว เพราะหากเรามีพาร์ทเนอร์ที่มีประสบการณ์ ก็จะเป็นเหมือนทางลัดช่วยลดความผิดพลาดลงได้”
 
เขากล่าวว่าการหาพันธมิตรทำธุรกิจแฟรนไชส์ก็เหมือนการหาคู่ชีวิตร่วมหัวจมท้าย ดังนั้นผู้ประกอบการควรเลือกพันธมิตรที่สามารถทำธุรกิจร่วมกันได้ในระยะยาว รับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และมีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน 

“เราต้องเลือกพาร์ทเนอร์ที่ไม่ได้คิดเอาแต่กำไร แต่ต้องมีความคิดคล้ายๆ กับเราด้วย แล้วการทำงานร่วมกันจะง่ายขึ้น ที่สำคัญที่สุดเราเองต้องมีความพร้อมด้วย เพราะตอนนี้ประเทศอินเดียมีมาตรฐานทางธุรกิจที่ดี เพราะมีระบบมาจากอังกฤษ ก่อนไปเราต้องพร้อม ถ้าไม่พร้อมก็คงโทษใครไม่ได้”
 
 
 
 ฟังคำแนะนำฝั่งไทยไปแล้ว คราวนี้ลองฟังทางฝั่งอินเดียดูบ้าง โดย “อตุล ชาร์มา” จากสมาคมแฟรนไชส์อินเดีย กล่าวว่าลักษณะการลงทุนในอินเดียนั้นมีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งบริษัทลูก การขายเทคโนโลยี การร่วมทุน การขายไลเซ่นส์ และการขายแฟรนไชส์
 
“รูปแบบการขายแฟรนไชส์ในอินเดียส่วนใหญ่เป็นการขายมาสเตอร์แฟรนไชส์ ซึ่งก็มีหลายแบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศที่มาเปิดแฟรนไชส์ที่นี่ อย่างเช่นแมคโดนัลด์, ซับเวย์, มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ ฯลฯ ไม่ใช่แค่แบรนด์ในท้องถิ่นเท่านั้น”

โดยปัจจุบันมีแฟรนไชซีในอินเดียมากกว่า 50,000 ราย และคิดเป็นเม็ดเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และสร้างรายได้กว่าปีละ 2-3 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีการจ้างงานกว่า 450,000 คน”
 
เขากล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจแฟรนไชส์ในอินเดียเริ่มได้รับความสนใจจากต่างประเทศมากขึ้น และมีผู้ประกอบการแฟรนไชส์อยู่แทบทุกเมืองในอินเดีย โดยแฟรนไชส์ที่มีมากที่สุดคือแฟรนไชส์การศึกษา รองลงมาคือบริการทางด้านไอที บริการทางธุรกิจ ค้าปลีก บันเทิง สุขภาพ และฟาสต์ฟู้ด ตามลำดับ
 
“ธุรกิจการศึกษาเป็นแฟรนไชส์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอินเดีย ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าระบบการศึกษาจากรัฐบาลอินเดียยังไม่ดีมากนัก และยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ จึงเป็นโอกาสดีของธุรกิจแฟรนไชส์การศึกษาที่จะเข้าไปเปิดตลาดในอินเดีย” เขากล่าว ส่วนการแบ่งผลประโยชน์นั้น นอกจากแฟรนไชสซอร์จะคิดค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์แล้วจะมีค่า Royalty fee ที่อิงกับรายได้คล้ายบ้านเรา ส่วนงบประมาณการลงทุนนั้นส่วนใหญ่ใช้เงินประมาณ 10,000-40,000 เหรียญสหรัฐ
 
ทั้งนี้ “อตุล” กล่าวถึงปัจจัยการทำแฟรนไชส์ในอินเดียให้ประสบความสำเร็จว่า ผู้ประกอบการไทยควรมีกลยุทธ์ในการเจาะตลาดให้ถูกจังหวะ โดยการทำวิจัยตลาดและผลิตภัณฑ์ การร่างสัญญาและการข้อตกลงต่างๆ อย่างระมัดระวัง การป้องกันทรัพย์สินทางปัญญาด้วยการจดเครื่องหมายการค้าและสิทธิบัตร และที่ขาดไม่ได้คือการปรับตัวให้เข้ากับตลาดในอินเดียได้อย่างกลมกลืน
 
“เมื่อก่อนการทำแฟรนไชส์ในอินเดียอาจจะมีปัญหาในด้านความโปร่งใส กฎหมายต่างๆ การสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันการเงินก็มีไม่มากนัก แต่ปัจจุบันก็ดีขึ้นมากแล้ว เพราะรัฐบาลอินเดียให้การสนับสนุนมากขึ้นเนื่องจาก เห็นว่าธุรกิจแฟรนไชส์ในอินเดียเป็นธุรกิจที่มั่นคง”
 
ทำไมถึงไป "อินเดีย" 
  • อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดในโลก และจะกลายเป็นประเทศมีตลาดผู้บริโภคสูงสุดภายในปี 2010 
  • มีประชากรอายุน้อยมากที่สุดในโลก โดยมีประชากรอายุต่ำกว่า 45 ปีถึง 870 ล้านคน 
  • ชนชั้นกลางมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีกว่า 300 ล้านคน 
  • เปิดกว้างต่อต่างประเทศในการเข้าไปลงทุน 
  • มีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดี 
  • มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมือง 
  • มีแรงงานที่มีทักษะ และสามารถใช้ภาษาอังกฤษ 
 
 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แฟรนไชส์ P.P.TYRE ร่วม..
1,488
แฟรนไชส์ “ไจแอ้นลูกชิ้..
1,402
“โฮมแคร์ภิบาล” จัด Ope..
1,317
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิด ..
1,002
เรียนสร้างแฟรนไชส์ ในค..
862
สสว. จัดใหญ่ “เพื่อน S..
565
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด