1.4K
22 เมษายน 2564
ธปท.มั่นใจมาตรการเพิ่มเติมฟื้นธุรกิจหนุนแบงก์ปล่อยกู้ลูกหนี้เสี่ยงสูงมากขึ้น
 
 
น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายและกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 (พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ) ซึ่งประกอบด้วย 2 มาตรการ คือ 1.มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู) และ 2.มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ (โครงการพักทรัพย์ พักหนี้) นั้น
 
ขณะนี้ พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 10 เม.ย.64 แล้ว ซึ่ง ธปท.ได้ออกประกาศ 2 ฉบับ เพื่อกำหนดขอบเขตคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจที่สามารถเข้าร่วมโครงการ หลักการ และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว โดยสถาบันการเงินสามารถยื่นคำขอกู้เงินจาก ธปท. ตามมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อฟื้นฟู และโครงการพักทรัพย์พักหนี้ ได้ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2564 เป็นต้นไป
 
สำหรับ พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ นี้ จะตอบโจทย์การช่วยเหลือฟื้นฟูภาคธุรกิจ ทั้งผู้ประกอบการรายย่อย, SMEs และผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยมีหลักการสำคัญคือมีความยืดหยุ่นรองรับความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ครอบคลุมการแก้ไขปัญหาที่หลากหลาย และตอบโจทย์ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทุกกลุ่มทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ภายใต้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ ธปท.ประเมินว่าจะไม่รุนแรงเท่ารอบแรกที่มีการล็อกดาวน์ และงดกิจการ/กิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่การระบาดรอบนี้อาจจะซ้ำเติมบางกลุ่มธุรกิจที่มีสายป่านสั้นอยู่แล้วให้เดือนร้อนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงภาคครัวเรือนด้วย
 
โดยแบ่งเป็น 2 มาตรการ คือ 1.มาตรการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู) ที่เตรียมวงเงินไว้ 2.5 แสนล้านบาท และ 2.มาตรการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ (โครงการพักทรัพย์ พักหนี้) โดยเตรียมวงเงินไว้ 1 แสนล้านบาท ซึ่งหากวงเงินในมาตรการใดใช้ไม่หมด ก็สามารถโยกไปใช้กับอีกมาตรการได้ แต่วงเงินสินเชื่อรวมทั้งหมดจะต้องไม่เกิน 3.5 แสนล้านบาท
 
น.ส.สุวรรณี กล่าวว่า ธปท.ไม่ได้คาดหวังว่าเม็ดเงินจะออกไปอย่างรวดเร็วในช่วงแรกที่เริ่มใช้มาตรการ เพราะรอบนี้ได้ออกแบบมาตรการให้สถาบันการเงินยื่นคำขอกู้เงินจาก ธปท.ได้ในระยะยาวขึ้นถึง 2 ปี และอายุเงินกู้ก็ยาวขึ้น ดังนั้น เม็ดเงินจะค่อยๆ ทยอยออกไปตามความต้องการใช้เงินของผู้ประกอบธุรกิจ
 
ระยะแรกคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในการเติมสภาพคล่อง เช่น การจ่ายค่าจ้างแรงงาน ค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ส่วนระยะที่สอง จะเป็นการใช้สำหรับการกลับมาเปิดธุรกิจหลังจากที่ปิดไปชั่วคราวก่อนหน้านี้ และระยะที่สาม จะเป็นการใช้สำหรับการกลับสู่การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างปกติ เช่น การฟื้นฟู หรือการปรับปรุงกิจการ
 
"พ.ร.ก.ซอฟท์โลนเดิม เมื่อไม่มีการต่ออายุ ก็จะสิ้นสุดการยื่นคำขอไปเมื่อวันที่ 19 เม.ย.64 และล่าสุด ธปท.ได้ออกประกาศ 2 ฉบับ รองรับการปฏิบัติตามาตรการดังกล่าวว่าจะมีหลักเกณฑ์ เงื่อนไขอย่างไร ซึ่งมีผลไปแล้ว 20 เม.ย. โดยหลังจากนี้ ธปท.จะเปิดให้สถาบันการเงินมายื่นคำขอครั้งแรก คือ 26 เม.ย. เชื่อว่าช่วงแรกๆ คำขอจะค่อยทยอยมา เพราะสถาบันการเงินจะต้องเข้าไปเจรจาตกลงเงื่อนไขต่าง ๆ กับลูกค้าก่อน...ดังนั้นวงเงิน 250,000 ล้านบาท และ 100,000 ล้านบาทนี้ จะไม่ได้เห็นว่ามีการเบิกใช้อย่างเยอะในช่วงต้นๆ ในคราวเดียว" น.ส.สุวรรณี กล่าว
 
พร้อมระบุว่า ประกาศ 2 ฉบับของ ธปท.นี้ เพื่อกำหนดขอบเขตคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจที่สามารถเข้าร่วมโครงการ หลักการ และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง ในทั้ง 2 มาตรการ (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และโครงการพักทรัพย์ พักหนี้) ตาม พ.ร.ก.ฟื้นฟูฯ ซึ่งได้ลงประกาศไว้ในเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว (www.bot.ro.th) น.ส.สุวรรณี กล่าวด้วยว่า แม้ขณะนี้จะยังไม่เปิดให้ยื่นกู้ แต่ ธปท.ได้กำชับไปยังสถาบันการเงินว่าหากมีลูกค้าติดต่อเข้ามา ให้รับคำขอของลูกค้าไว้ก่อน ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าพอจะมีการตกลงเงื่อนไขกันบ้างแล้ว 
 
โดยเชื่อว่ามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมทั้ง 2 มาตรการนี้ จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยเม็ดเงินลงไปในลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงได้มากกว่า พ.ร.ก.ซอฟท์โลน เดิมได้ อย่างไรก็ดี ขณะนี้ ธปท.อยู่ระหว่างการประเมินความเปราะบางของธุรกิจ SMEs จากผลกระทบการระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่ที่กระจายไปในวงกว้างกว่ารอบที่ผ่านมา ส่วนผลกระทบจะมีมากน้อยเพียงใดนั้น ต้องขอไปรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนก่อน พร้อมมองว่า

หากมีความจำเป็นต้องปรับหลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นนั้น ธปท. ก็สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ในชั้นของประกาศ ธปท.ได้เลย "ปัจจุบัน ธปท.เตรียมทีมงานมอนิเตอร์สิ่งที่เราได้ออกไปว่ามาตรการที่ออกไปมี feedback กลับมาอย่างไร มอนิเตอร์ลูกหนี้ ตลอดจนข้อร้องเรียนจากลูกค้า เพื่อทบทวนว่าเราจะต้องปรับมาตรการอย่างไรหรือไม่" น.ส.สุวรรณี กล่าว
 
อ้างอิงจาก : RYT9.com
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แฟรนไชส์ P.P.TYRE ร่วม..
1,724
แฟรนไชส์ “ไจแอ้นลูกชิ้..
1,496
“โฮมแคร์ภิบาล” จัด Ope..
1,475
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิด ..
1,158
เรียนสร้างแฟรนไชส์ ในค..
904
ธงไชยผัดไทย เปิดโครงกา..
868
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด