1.3K
5 พฤศจิกายน 2563
เริ่มแล้ว งาน ‘ฟู้ดทรัค มาร์ท’ สำหรับผู้ที่มองหาโอกาสทางธุรกิจที่ ก.พาณิชย์ นนทบุรี


 
เริ่มแล้ว “มหกรรมงานแสดงร้านอาหารเคลื่อนที่ ‘ฟู้ดทรัค มาร์ท’ ครั้งแรกของกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 4 - 5 พฤศจิกายน 2563 นี้ ณ กระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี ผู้ประกอบการกลุ่มฟู้ดทรัค และสถาบันการเงินเข้าร่วมงานเต็มพื้นที่ ...แสดงพลังธุรกิจที่พร้อมเปิดรับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสทางอาชีพและธุรกิจ พร้อมข้อเสนอพิเศษ ...อัตราดอกเบี้ยโดนใจ ร้อยละ 2 ต่อปี ลุย..เดินหน้าต่อเนื่องดันธุรกิจฟู้ดทรัคเป็นหลักประกันทางธุรกิจประเภทกิจการ..มั่นใจช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น เตือน!! ผู้ประกอบการต้องไม่หยุดพัฒนาธุรกิจ คุณภาพและมาตรฐานจะสร้างความภักดีต่อสินค้าและเป็นการประชาสัมพันธ์ธุรกิจที่ดีที่สุด
 
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ต้องการแสดงพลังของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารเคลื่อนที่ หรือ ฟู้ดทรัค ให้ผู้ที่กำลังมองหาโอกาสทางธุรกิจ ได้เห็นถึงรูปแบบการประกอบธุรกิจที่ครบวงจร การตกแต่งร้านค้าที่มีความสวยงามน่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้บริโภค และโอกาสความสำเร็จของธุรกิจที่สามารถสานต่อเป็นอาชีพที่มีความมั่นคง เนื่องจากฟู้ดทรัคเป็นธุรกิจใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน และเข้ากระแส New Normal เป็นอย่างดี ด้วยตัวเลขผู้ประกอบการที่มีกว่า 2,500 ราย และมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 2,600 ล้านบาทต่อปี ทำให้ฟู้ดทรัคเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตที่ชัดเจนและโดดเด่น
 
โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจฟู้ดทรัคมีอัตราการเติบโตถึงร้อยละ 22 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา การลงมาร่วมแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจประเภทอาหาร/เครื่องดื่มรายใหญ่ของประเทศในรูปแบบฟู้ดทรัค รวมถึง การจัดแคมเปญพิเศษของค่ายรถในประเทศ 2 -3 แบรนด์ในการปรับเปลี่ยนรถกระบะ/รถบรรทุกเป็นรถเชิงพาณิชย์ (ฟู้ดทรัค) ยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ธุรกิจฟู้ดทรัคเป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศมากขึ้น”


 
“ทั้งนี้ การเข้าสู่ธุรกิจฟู้ดทรัค จำเป็นต้องมีความรู้ขั้นพื้นฐานในการประกอบธุรกิจและมองเห็นลู่ทางของการเติบโต กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงได้จัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจจะประกอบธุรกิจฟู้ดทรัค หัวข้อ ‘เริ่มธุรกิจฟู้ดทรัคอย่างไร...ให้สำเร็จ’ โดย อาจารย์ญาณเดช ศิรินุกูลชร ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาการวางแผนยุทธศาสตร์องค์กร/เครือข่าย/ธุรกิจฟู้ดทรัค ซึ่งมีผู้เข้ารับการอบรมกว่า 100 ราย ขณะเดียวกัน สถาบันการเงิน 6 แห่ง ประกอบด้วย ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไทย ธ.ทิสโก้ ธ.อิสลาม ธ.ออมสิน และ เอสเอ็มอีดีแบงก์ เข้าร่วมให้คำปรึกษาด้านการประกอบธุรกิจ การเขียนแผนธุรกิจ การขอสินเชื่อเพื่อประกอบธุรกิจ รวมถึง การให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษร้อยละ 2 ต่อปี คงที่ 2 ปี ฯลฯ เป็นต้น”
 
รมช.พณ.กล่าวต่อว่า “หัวใจหลักของการเริ่มต้นธุรกิจฟู้ดทรัค นอกจากนักลงทุนจะต้องมีความรู้ด้านการประกอบธุรกิจขั้นพื้นฐานแล้ว ยังต้องให้ความสำคัญอีก 3 ส่วน ได้แก่ 1) การเลือกทำเลที่ตั้ง หรือที่จอดฟู้ดทรัค เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคเห็นและสามารถเลือกซื้อสินค้าได้โดยสะดวก ส่งผลต่อผลประกอบการของธุรกิจ และหากทำเลที่เลือกไม่ได้สร้างผลกำไรก็จำเป็นต้องหาทำเลที่ตั้งอื่นต่อไป 2) การเลือกรถที่จะนำมาเป็นฟู้ดทรัค ปัจจุบันฟู้ดทรัคไม่ได้จำกัดแค่รถกระบะหรือรถบรรทุกเพียงอย่างเดียว รถประเภทอื่นๆ เช่น รถตู้ ฯลฯ ก็สามารถนำมาประกอบธุรกิจฟู้ดทรัคได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าที่ต้องการนำมาประกอบธุรกิจ..ต้องมีความลงตัว/สมดุลระหว่างกัน และ 3) การออกแบบ/การตกแต่งรถฟู้ดทรัค เพื่อให้ดึงดูดใจลูกค้า สะท้อนถึงสินค้าที่จำหน่ายอย่างชัดเจน และมีความร่วมสมัย ซึ่งทั้ง 3 ส่วนที่กล่าวมาจะสร้างโอกาสในการประกอบธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันได้เป็นอย่างดี”


 
นอกจากนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงและใส่ใจเป็นพิเศษก่อนเข้าสู่ธุรกิจฟู้ดทรัค คือ ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการประกอบธุรกิจฟู้ดทรัค เช่น * ทำเลที่ตั้ง..ใช่ว่าจะจอดขายได้ทุกสถานที่ * สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน อาจเป็นอุปสรรคต่อการค้าขายหรือการตั้งโต๊ะรับประทานอาหาร * คู่แข่งที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากฟู้ดทรัคเป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความนิยม จึงมีนักลงทุนเข้ามาในตลาดฟู้ดทรัคมากขึ้น การแข่งขันจึงสูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน รวมทั้ง คู่แข่งที่เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ตามทำเลต่างๆ * ขาดการเตรียมความพร้อมและการศึกษาถึงรูปแบบธุรกิจที่ดี..ก่อนเข้าสู่ตลาดฟู้ดทรัค อาจส่งผลต่อการเลิกประกอบธุรกิจที่รวดเร็ว และไม่ถึงจุดคุ้มทุนที่ได้ลงทุนไป ฯลฯ
 
ทั้งนี้ เมื่อผู้ประกอบการตัดสินใจลงทุนในธุรกิจฟู้ดทรัคแล้ว และธุรกิจเริ่มเดินไปได้ระยะหนึ่ง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการพัฒนาสินค้าและการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าจะสร้างความภักดีต่อสินค้าและเป็นการประชาสัมพันธ์ธุรกิจที่ดีที่สุด รวมทั้ง ต้องมีการพัฒนาช่องทางการตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น เช่น * การใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการสร้างการรับรู้และขยายช่องทางการตลาด โดยต้องมีการอัพเดทความเคลื่อนไหวของร้านค้าอยู่ตลอดเวลา * การเข้าร่วมกลุ่มธุรกิจฟู้ดทรัคเพื่อรับข่าวสารการออกร้านตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเป็นการทำการตลาดอย่างหนึ่งที่เป็นการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจ ฯลฯ เป็นต้น
 
“และด้วยกระแสความนิยมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบธุรกิจฟู้ดทรัคที่ประสบความสำเร็จและต้องการขยาย/พัฒนาธุรกิจจึงต้องการโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน... กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะที่กำกับดูแลกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ จึงได้ผลักดันให้ ‘ธุรกิจฟู้ดทรัค’ เป็นหลักประกันทางธุรกิจประเภทกิจการ โดยได้ร่วมหารือกับสถาบันการเงินในการรับ ‘ธุรกิจฟู้ดทรัค’ เป็นหลักประกันทางธุรกิจ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี) เพื่อให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เบื้องต้น สถาบันการเงินรายย่อย ได้มีการรับกิจการเป็นหลักประกันทางธุรกิจแล้ว ส่วนสถาบันการเงินรายใหญ่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพื่อรับกิจการเป็นหลักประกันทางธุรกิจต่อไป ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2563) มีผู้นำกิจการมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 6,364 กิจการ มูลค่ารวมกว่า 737 ล้านบาท”


 
“จึงขอเชิญชวนผู้ที่กำลังหาโอกาสทางอาชีพหรือธุรกิจและผู้สนใจ เข้าร่วมงาน ‘ฟู้ดทรัค มาร์ท’ ระหว่างวันที่ 4 - 5 พฤศจิกายน 2563 ณ ลานตลาดนัด กระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี ท่านจะได้พบกับผู้ประกอบการฟู้ดทรัคประเภทอาหารและเครื่องดื่ม จำนวนกว่า 20 ราย และหากสนใจประกอบธุรกิจ/ต้องการเงินลงทุนสามารถขอคำปรึกษากับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมงานฯ ได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2547 4939 e-Mail : stro@dbd.go.th สายด่วน 1570 และ www.dbd.go.th” รมช.พณ.กล่าวทิ้งท้าย
 
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2563) ประเทศไทยมีผู้ประกอบการฟู้ดทรัค ประมาณ 2,500 ราย แบ่งเป็น ภาคกลาง ร้อยละ 60 ภาคเหนือ ร้อยละ 14 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 9 ภาคตะวันออก ร้อยละ 6 ภาคใต้ ร้อยละ 6 และภาคตะวันตก ร้อยละ 5สัดส่วนการจำหน่าย แบ่งเป็น ประเภทอาหารอินเตอร์ ร้อยละ 27 เครื่องดื่ม ร้อยละ 26 อาหารไทย ร้อยละ 22 อาหารว่าง-หวาน ร้อยละ 15 และ อาหารว่าง-คาว ร้อยละ 10เงินลงทุน (รถใหม่) เริ่มต้นประมาณ 5 แสน - 1 ล้านบาท รายได้เฉลี่ยต่อคันต่อปีประมาณ 1,056,000 บาท (4,000 บาท / 22 วัน / 12 เดือน) อัตราการเติบโตของธุรกิจเฉลี่ยร้อยละ 20 ต่อปี
 
ที่มา : https://bit.ly/32gIVJ5
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แฟรนไชส์ P.P.TYRE ร่วม..
1,732
แฟรนไชส์ “ไจแอ้นลูกชิ้..
1,496
“โฮมแคร์ภิบาล” จัด Ope..
1,475
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิด ..
1,161
เรียนสร้างแฟรนไชส์ ในค..
904
ธงไชยผัดไทย เปิดโครงกา..
868
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด