บทความทั้งหมด    บทความแฟรนไชส์    การเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์    ความรู้ทั่วไประบบแฟรนไชส์
6.0K
3 นาที
14 ธันวาคม 2564
Five Forces Model สุดยอดเครื่องมือวิเคราะห์การแข่งขัน ในธุรกิจแฟรนไชส์
 

ปัจจุบันธุรกิจแฟรนไชส์ในไทยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 250,000 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นสัดส่วน 1.7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และคาดว่าปี 2564 ธุรกิจแฟรนไชส์จะมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 300,000 ล้าน สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่สูงมาก

คำถามที่ www.ThaiFranchiseCenter.com สนใจคือเมื่อมีการเติบโตมากขนาดนี้การเริ่มต้นของคนลงทุนที่เป็นรายใหม่ หรือคนที่ลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์อยู่แล้วจะมีแนวทางในการทำธุรกิจแบบไหนอย่างไรเพื่อให้อยู่รอดซึ่งในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ Five Forces Model ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดเครื่องมือวิเคราะห์การแข่งขันในทางธุรกิจ
 
Five Forces Model คืออะไร?
 

ภาพจาก www.freepik.com/

Five Forces Model คือ เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์สภาวะการแข่งขันทางการตลาดถูกคิดค้นขึ้นโดย Michael E. Porter จากมหาวิทยาลัย Harvard ตีพิมพ์ใน Harvard Business Review ในปี 1979 เป็นการวิเคราะห์แรงกดดันทั้ง 5 ได้แก่ คู่แข่ง ลูกค้า สินค้าทดแทน ผู้จัดหาวัตถุดิบ และ การแข่งขันภายในอุตสาหกรรม โดยเครื่องมือนี้ถูกนำมาวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของตลาดที่เรากำลังดำเนินธุรกิจอยู่ หรือกำลังจะเริ่มดำเนินธุรกิจเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพตลาดที่เราอยู่

ซึ่งไม่จำเป็นว่าธุรกิจที่ทำจะต้องเป็นขนาดใหญ่เสมอไป เพราะความเป็นจริงแล้วธุรกิจเล็กๆก็สามารถใช้เครื่องมือนี้เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนิธุรกิจ มีประโยชน์ทั้งคนที่อยากเริ่มเข้าสู่ธุรกิจใหม่ หรือเพื่อเอาข้อมูลที่วิเคราะห์ไปใช้ในการปรับปรุงธุรกิจ สำหรับนักลงทุนยังใช้ในการวิเคราะห์หุ้นได้ด้วยว่าอยู่ในธุรกิจน่าสนใจหรือเปล่า ควรซื้อหรือขายออกดี เป็นโมเดลที่มีประโยชน์อย่างมากในทางธุรกิจ
 
หลักการของ Five Forces Model ในการวิเคราะห์ธุรกิจ
1. อำนาจต่อรองจากลูกค้า (Bargaining Power of Customers)
 

ขั้นแรกเราต้องทราบว่าลูกค้าของเราคือใคร ผู้ซื้อหรือลูกค้านั้นมีอำนาจการต่อรองอย่างไร เช่น ลูกค้าบางคนอยากขอลดราคาสินค้า บางคนอยากซื้อสินค้าในราคาเดิมแต่อยากให้เพิ่มคุณภาพ ในฐานะคนขายการทำตามความต้องการลูกค้าก็อาจกระทบต่อเรื่องกำไรที่ควรได้ หรือหากไม่ทำตามก็อาจมีผลกระทบในเรื่องลูกค้าที่อาจหดหาย นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าเราต้องมาวิเคราะห์เรื่องนี้เพื่อหาทางออก เช่น สร้างการรวมกลุ่มกันของผู้ค้าสินค้าชนิดเดียวกันเพื่อกำหนดราคาขั้นต่ำที่สุดที่สามารถจะขายได้ เมื่อเราตกลงกันกับร้านค้าหรือธุรกิจประเภทเดียวกันได้ก็จะทำให้ลูกค้าไม่สามารถต่อรองได้มากเท่าใดนัก

หรือหากวิธีแรกยังทำได้ยากก็อาจใช้อีกวิธีคือ การที่เจ้าของธุรกิจไม่ไปแข่งขันในเรื่องราคาแต่ไปเน้น ด้านคุณภาพ ด้านบริการ แพคเกจของสินค้า การทำแบรนด์ หรือการสร้างความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ของสินค้าโดยไม่ต้องลดราคาขายลง เป็นต้น
 
2. อำนาจต่อรองจากซัพพลายเออร์ (Power of Suppliers)
 

ซัพพลายเออร์มีหน้าที่ส่งวัตถุดิบสำหรับการผลิตให้กับธุรกิจ เช่นนั้นยิ่งซัพพลายเออร์ที่ผลิตวัตถุดิบชนิดนั้นๆมีจำนวนน้อยราย จะทำให้อำนาจการต่อรองของเราน้อยลงไปอีกเพราะซัพพลายเออร์ที่มีน้อยรายมักจะรวมกลุ่มกันกำหนดราคาขายหรือลดคุณภาพลง โดยที่เราไม่สามารถต่อรองอะไรได้มากนัก และเมื่อเราซื้อวัตถุดิบมาในราคาสูงก็ส่งผลให้ต้นทุนผลิตของเราสูงขึ้น

และหากราคาขายไม่สามารถขยับขึ้นได้ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจอยู่ในสภาวะเสี่ยงสูงขึ้น วิธีที่จะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวมีได้หลายทางยกตัวอย่างเช่น เราสามารถรวมกลุ่มในธุรกิจที่ผลิตสินค้าชนิดเดียวกันเพื่อต่อรองกับซัพพลายเออร์

หรืออาจรวมกลุ่มกันเพื่อซื้อสินค้าทีละมากๆเพื่อให่ราคาของวัตถุดิบถูกลง และเป็นการช่วยให้ซัพพลายเออร์ลดต้นทุนภายในลงได้อีกทำให้รู้สึกว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย เป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีในระยะยาวได้ด้วย
 
3. การเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ (Threat of New Entrants)
 

การเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการหน้าใหม่ย่อมแปลว่ามีคู่แข่งเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดที่เราเคยได้รับลดน้อยลงไป ธุรกิจขนาดใหญ่อาจไม่กังวลมากเพราะมีกำลังผลิตมาก วัตถุดิบราคาถูก แต่สำหรับกิจการขนาดเล็กก็ต้องรับมือให้ดี เราอาจจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าโดยตรง ทำให้ลูกค้าพึงพอใจให้กลายมาเป็นฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นแทน ส่วนวิธีที่จะป้องกันการเพิ่มขึ้นของคู่แข่ง อาจทำได้เช่นการสร้างความแตกต่างของสินค้า สร้างความโดดเด่นจนเลียนแบบได้ยาก

4. การคุกคามจากสินค้าทดแทน (Threat of Substitutes)
 

เป็นการวิเคราะห์สินค้าที่มาทดแทนสินค้าที่เราจำหน่ายอยู่ แต่ไม่ใช่สินค้าประเภทเดียวกันหากแต่วัตถุประสงค์ในการใช้งานคล้ายกันหรือเหมือนกัน ทำให้เพิ่มทางเลือกแก่ลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้าทดแทนหากพิจารณาแล้วว่าคุ้มค่ากว่า
 
เช่น สมาร์ทโฟนแทนนาฬิกาหรือกล้องดิจิตอล , Airbnb แทนโรงแรม , เครื่องบินแทนรถทัวร์ , โทรศัพท์แทนกล้องถ่ายรูป เป็นต้น วิธีการรับมือเมื่อวิเคราะห์แล้วเจอปัญหานี้คือผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพ การปรับปรุงรูปลักษณ์ และการสร้างแบรนด์ให้ติดตลาด หากทำทุกอย่างจนมีกลุ่มลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์แล้วก็จะทำให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวบอกปากต่อปากไปไม่รู้จบ และทำให้สินค้าของเรามีเอกลักษณ์และคุณค่าน่าซื้อมากกว่าสินค้าทดแทนได้
 
5. การแข่งขันของผู้ที่อยู่ในตลาดเดิม (Industry Rivalry)
 

ในตลาดย่อมต้องมีคู่แข่งการวิเคราะห์ในข้อนี้เราต้องเอาข้อมูลจาก 4 ข้อแรกมาเป็นเกณฑ์ด้วย สิ่งที่ต้องมองคือวิเคราะห์ความรุนแรงของการแข่งขันที่อาจจะเกิดขึ้น หากวิเคราะห์โดยรวมแล้วตลาดนั้นๆมีการแข่งขันสูง เราก็ควรเตรียมพร้อมให้ดี วางแผนกลยุทธ์ให้รัดกุมหากต้องการเข้าสู่ตลาดนั้นๆเพื่อลดความเสี่ยงและเสริมสร้างให้องค์กรแข็งแกร่งต่อไป
 
ตัวอย่างการวิเคราะห์แฟรนไชส์อาหารด้วย Five Forces Model
 
ปัจจุบันแฟรนไชส์อาหารคือหนึ่งในการลงทุนที่หลายคนสนใจมาก มีทั้งผู้ประกอบการรายเล็ก รายใหญ่ผัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย การใช้ Five Forces Model พิจารณาแยกเป็นข้อๆมีดังนี้
 

1.การเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ (Threat of New Entrants) วิเคราะห์ข้อนี้ให้ดีจะพบว่าการเปิดร้านอาหารใหม่นั้นง่ายและลงทุนได้ด้วยเงินไม่มากนัก ใครก็เปิดได้ สำหรับข้อนี้ ภัยคุกคามในแง่ลบสูงมากๆ ถือว่ามีความเสี่ยงสูงก็จำเป็นต้องไปพัฒนาในเรื่องสินค้าและคุณภาพเพื่อลดความเสี่ยงของธุรกิจ


2.อำนาจต่อรองจากซัพพลายเออร์ (Power of Suppliers)– อำนาจในการต่อรองวัตถุดิบของร้านอาหารขึ้นอยู่กับขนาดของร้าน หากร้านอาหารมีขนาดเล็ก อำนาจในการต่อรองก็น้อย แต่หากเป็นร้านอาหารที่มีขนาดใหญ่ก็จะสามารถใช้เครดิตซื้อวัตถุดิบได้และราคาถูกกว่า ซึ่งราคาอาหารตามสั่งคงไม่มีอำนาจต่อรองอะไรมากนัก หรืออาจไม่มีอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์ได้เลย

 
3.อำนาจต่อรองจากลูกค้า (Bargaining Power of Customers)– ลูกค้าจะกินร้านไหนก็ได้ง่าย ยิ่งประเทศไทย ร้านอาหารค่อนข้างเยอะวิเคราะห์แล้วถือว่าข้อนี้ลูกค้ามีอำนาจต่อรองสูงมาก วิธีการแก้ปัญหาก็คือต้องหาจุดเด่นหรืออาจต้องเน้นเรื่องการตลาด สร้างความสนใจให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด

 
4. การคุกคามจากสินค้าทดแทน (Threat of Substitutes) การวิเคราะห์ข้อนี้พบว่ามีอัตราเสี่ยงมากเช่นกัน ปัจจุบันถ้าลูกค้ามีเยอะมาก ถ้าไม่เข้าร้านอาหารตามสั่ง ยังมีก๋วยเตี๋ยว มีข้าวแกง หรือแม้แต่การไปใช้บริการร้านสะดวกซื้อที่มีอาหารพร้อมทานให้เลือกจำนวนมาก การแก้ปัญหาก็ต้องสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจว่าอาหารของเราดีหรือแตกต่างจากสินค้าทดแทนอื่นๆ อย่างไร ถ้าเข้ามาในร้านอาหารของเราสิ่งที่จะได้รับดีกว่าการไปหาสินค้าทดแทนอื่นๆ อย่างไรบ้าง เป็นต้น

 
 
5.การแข่งขันของผู้ที่อยู่ในตลาดเดิม (Industry Rivalry)– ร้านอาหารถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันกันโดยสมบูรณ์ ซึ่งBrand Loyalty ของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมร้านอาหารมีค่อนข้างต่ำเพราะการแข่งขันมีสูงมาก ลูกค้าส่วนใหญ่สามารถเลือกร้านอาหาร รูปแบบอาหารได้อย่างหลากหลายโดยไม่เจาะจงแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง
 
ผลจากการใช้การวิเคราะห์ Five Forces Model ในธุรกิจอาหารตามสั่ง มี 4 แรงที่ปัจจัยลบ และการแข่งขันดุเดือดมากๆ บางทีไม่สามารถขึ้นราคาได้ ยังต้องแข่งขันกันเองโดยการลดราคาหรือให้ข้าวเยอะๆ อีกด้วย อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ที่กว้างไปทำให้ไม่เห็นภาพในการแข่งขันที่เจาะจงชัดเจน ถ้าจะวิเคราะห์จริงๆ อาจต้องใช้เรื่องของทำเลในการขายมาเป็นเกณฑ์พิจารณาหรือจะให้ชัดเจนคือการนับคู่แข่งในพื้นที่ใกล้เคียงกับร้านที่เราจะเปิด และดูจำนวนลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายว่ามีจำนวนมากน้อยแค่ไหน
 
การใช้การวิเคราะห์ Five Forces จะมีประโยชน์อย่างมาก แต่ก็เป็นโมเดลที่คิดตั้งแต่ปี 1979 ซึ่งปัจจุบันตลาดหรืออุตสาหกรรมมีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่หยุดนิ่ง และมีแรงเสียดทานอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ใน 5 แรงนั้นมาเกี่ยวข้องด้วย บางธุรกิจอาจใช้ Five Forces มาวิเคราะห์ไม่ได้ และโมเดลนี้เป็นการวิเคราะห์เฉพาะเรื่องการแข่งขันอย่างเดียว และเป็นหาความได้เปรียบกับคู่แข่ง คู่ค้า และ ลูกค้า ซึ่งไม่ได้รวมถึงการร่วมมือกันของแต่ละฝ่าย
 
ติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
 
Value Proposition Canvas คุณค่าของสินค้าที่ส่งมอบให้แก่ลูกค้า เป็นองค์ประกอบสำคัญของ Business Model Canvas โดยสินค้าที่มอบคุณค่าให้แก่ลูกค้าแบบตอบโจทย์ จะมีโอกาสได้รับยอดขายที่สูงขึ้น และ ลูกค้าจะยอมจ่ายราคาแพงกว่า เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าสูงสุด หรือถ้าเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ต้องเป็นแบรนด์..
46months ago   4,031  4 นาที
SOAR Analysis เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางกลยุทธ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อใช้ทดแทน SWOT Analysis ด้วยการวิเคราะห์จาก Strength (จุดแข็ง) Opportunity (โอกาส) Aspiration (เป้าหมาย) และ Result (ผลลัพธ์) ซึ่งมีความแตกต่างจาก SWOT Analysis ที่เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์เบื้องต้นขององค์กรจากปัจจัยภายในแ..
54months ago   5,882  4 นาที
บทความแฟรนไชส์ยอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
6 แฟรนไชส์บริการ! สร้างรายได้ 24 ชม.
905
ลงทุนตามเทรนด์ฮิต! 7 แฟรนไชส์ไอเดียเงินล้าน ปี ..
633
ตั้งแถวใหม่ 10 แฟรนไชส์ น่าลงทุน ครึ่งปีหลัง 68
572
แฟรนไชส์ชาจีน Good Me 古茗 ดังจนถูกก๊อป 600 สาขา
522
“ปิ้งย่าง” ธุรกิจหมื่นล้าน! มีแฟรนไชส์ไหน น่าลง..
506
Shake Shack จากรถเข็นขายฮอทดอกในนิวยอร์ก สู่แฟรน..
488
บทความแฟรนไชส์มาใหม่
บทความอื่นในหมวด