ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่! ศาสตร์ฮวงจุ้ย ก็คงไม่ต่างจากเรื่องความเชื่อโชคลางของคนไทย ว่ากันตามจริง ศาสตร์ของฮวงจุ้ยไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ช่วยสร้างความสบายใจในเบื้องต้นและสร้างความมั่นใจเป็นกำลังใจในเบื้องต้นแก่คนที่ทำธุรกิจ และเมื่อเรามีพลังใจจากการเริ่มต้นที่เต็มเปี่ยม ก็มีแนวคิดที่จะต่อยอดธุรกิจของเราให้เติบโตไปได้อีกมาก

 

www.ThaiFranchiseCenter.com ในฐานะที่ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนที่ทำธุรกิจได้มีโอกาสประสบความสำเร็จเราพยายามเสนอแง่มุม เทคนิคเคล็ดลับต่าง ๆที่คิดว่ามีประโยชน์ ซึ่งก็รวมถึงเรื่อง “ศาสตร์ฮวงจุ้ย” ที่ว่านี้ ที่อาจจะมีผลต่อธุรกิจของคุณแบบไม่ชัดเจนแต่อย่างน้อยใครที่ได้ทำตามน่าจะมั่นใจว่าธุรกิจที่ทำมีพลังเพิ่มขึ้นได้มาก

 

ภาพจาก bit.ly/2FoUMJQ

 

ในภาษาฮวงจุ้ยเรียกว่าตำแหน่ง “กระแสชี่”  โดยให้พิจารณาตัวถนนฝั่งเดียวกับอาคารเป็นหลัก โดยดูว่าถนนด้านหน้าอาคารมีความชันมากหรือน้อย ไม่ควรเลือกอาคารที่อยู่บนเนินหรือแอ่ง แต่ควรอยู่เลยจากเนินลงมาประมาณ 80-100 เมตร เป็นทางตรงมีความชันน้อย ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งเก็บโชคง่ายที่สุด ถ้าเราพิจารณาดูก็จะทราบเหตุผลที่แท้จริง อาคารที่อยู่บนเนิน หรือแอ่งมักจะมองเห็นยาก ถนนด้านหน้าอาคารมีความชันมากไม่เหมาะแก่การจอดรถ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ลูกค้าไม่เข้าร้าน

 

ภาพจาก bit.ly/2FlwaBJ

 

วิชาฮวงจุ้ยกล่าวว่าอาคารร้านค้าควรหันหน้ารับ กระแสพลังงานชี่ ไม่ควรบิดอาคารหนีกระแส โดยพิจาณาจากฝั่งถนนที่เรากำลังใช้อยู่เป็นหลักแล้วดูว่าอาคารที่เรากำลังเลือกอยู่นั้น ด้านหน้าอาคารหันหน้ามาหาเราหรือไม่ ถ้าหันมาหาเราถือว่าดี แต่ถ้าไม่เราไม่ควรเลือกอาคารนั้นเพราะจะรับพลังโชคลาภไม่ได้เลย ต่อให้อาคารนั้นสวยงามเพียงใด ในทางกายภาพอาคารที่หันข้างให้ถนนนั้นมักจะมองไม่เห็นด้านหน้าของอาคาร และไม่เชื้อเชิญลูกค้า ต่อให้ตกแต่งสวยงามมากแค่ไหนคนก็จะมองไม่เห็นและไม่สนใจ

 

ภาพจาก bit.ly/2Y2f8jd

 

ในวิชาฮวงจุ้ยเรียกว่า “สั่วะ” แปลว่า อุปสรรค ในความเป็นจริงมีเยอะมาก แต่จะลองยกตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น เสาไฟฟ้าหรือต้นไม้ ไม่ควรอยู่ตรงกลางด้านหน้าของอาคาร ไม่ควรเลือกอาคารที่อยู่ใกล้กับหม้อแปลงไฟฟ้า  ด้านหน้าอาคารไม่ควรมีบ่อพักหรือบ่อน้ำทิ้ง ด้านข้างและด้านหลังอาคารไม่ควรมีต้นไม้ใหญ่โดยเฉพาะต้นโพธิ์ ต้นไทร อาคารไม่ควรต่ำกว่าถนน หรือสูงกว่าถนนเกินไป ด้านหน้าอาคารควรมีลานโล่งพอประมาณ ไม่ควรชิดติดถนนหรือทางเท้า ซึ่งหากพิจารณาแล้วก็คืออุปสรรคเหล่านี้อาจสร้างปัญหาให้กับอาคารในวันข้างหน้า รวมถึงอาจทำให้ลูกค้าเดินเข้าหาธุรกิจเราได้ยากด้วย

 

ภาพจาก bit.ly/2WS7Q53

 

หมายถึงให้พิจารณาถึง ความสอดคล้องและความเป็นไปได้ของธุรกิจที่กำลังจะทำ ว่าอาคารของเรานั้นอยู่ใกล้กับกลุ่มลูกค้าเรา หรือไม่ คนส่วนใหญ่มักจะลืมข้อนี้ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก เพราะถ้าเราเลือกอาคารที่สวย ทำเลดี แต่ลืมนึกไปว่า ร้านค้าของเราอยู่ใกล้กับกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ของเราหรือเปล่า เดินทางมาสะดวกหรือไม่ เป็นทางผ่าน ทางหลัก หรือทางรอง สิ่งเหล่านี้สำคัญมากๆ หลักการนี้เหมือนกับเราเลือกวางตำแหน่งไซดักปลา ถ้าเราต้องการปลาตัวใหญ่เราก็ควรดูว่าทางน้ำนั้นปลาตัวใหญ่จะว่ายผ่านหรือเปล่า ถ้ามีแต่ปลาตัวเล็กว่ายผ่านแล้วเรานำไซไปวางไว้มันก็เปล่าประโยชน์

 

ภาพจาก bit.ly/2Iu3aK2

 

คนจีนเชื่อว่าคนเราเกิดมาจะได้รับพลังงานชุดหนึ่งติดตัวมาด้วยตั้งแต่เกิด พลังงานชุดนี้จะเป็นตัวบ่งบอกถึงอุปนิสัย ใจคอ บุคลิก ท่าทาง รวมไปถึงการดำเนินชีวิต ซึ่งเราเรียกว่าดวงชะตา สามารถคำนวณได้จาก ปี เดือน วัน เวลาเกิด ของบุคคลนั้นๆ สมมุติว่าเราต้องการตัดเสื้อตัวหนึ่งให้เหมาะกับเราพอดีเราต้องมีขนาดของ รอบคอ รอบอก ช่วงแขน ช่วงตัว สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือน (วันเดือนปีเวลาเกิด) ส่วนผ้าหรือรูปแบบของเสื้อก็คือที่ตั้งอาคาร รูปทรงอาคาร

 

ในวิชาฮวงจุ้ยได้แบ่งชุดพลังงานของคนออกเป็น 5 ธาตุ (น้ำ ไม้ ไฟ ดิน ธาตุ) เพื่อให้เข้ากับ 8 ทิศของอาคาร โดย ใช้ทิศด้านหลังอาคารเป็นหลักในการพิจารณา เช่น คนธาตุน้ำ เหมาะกับทิศเหนือ ทิศตะวันตก ทิศใต้ ควรหลีกเลี่ยง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทิศตะวันออก  เป็นต้น 

 

เหนือสิ่งอื่นใด “ศาสตร์ฮวงจุ้ย” เป็นเพียงตัวแปรและอีกเทคนิคในการเลือกอาคารสำหรับการลงทุน สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือวิธีการบริหารจัดการธุรกิจ รูปแบบการลงทุน การบริหารจัดการระบบการเงิน  การเอาใจใส่ลูกค้า  คุณภาพสินค้าและบริการ  และต้องไม่ลืมกลยุทธ์ด้านการตลาดที่ต้องให้ทันกับยุคสมัยและไม่ก้าวตามหลังคู่แข่งต่างๆ  สิ่งเหล่านี้ถ้าผนวกรวมกันได้อย่างลงตัว ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่าธุรกิจที่มีกำไรมหาศาลได้ในอนาคต

 

ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 

 

ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ bit.ly/2Jf8ph8

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)