ประวัติและความเป็นมา
การพัฒนาด้านธุรกิจค้าปลีกมีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ช่วงพ.ศ. 2520 โดยมีธุรกิจด้านค้าปลีกของต่างประเทศที่มีการลงทุนในประเทศ เป็นตัวผลักดันให้นักธุรกิจไทยต้องปรับตัวการค้าปลีกที่มีความหลากหลาย รูปแบบการค้าใหม่เริ่มีความซับซ้อนมากขึ้น และมีระบบการขยายงานที่น่าสนใจก็คือ การขยายตัวโดยการเปิดธุรกิจในรูปแบบสาขามากขึ้น การสร้างความพอใจ และการยอมรับให้กับผู้บริโภคโดยสร้าง จุดเด่นและการยอมรับในตราสินค้าร้านค้าอย่างเป็นกระบวน
การกลยุทธ์หนึ่งที่เห็นความสำคัญของการกระจายสาขาก็คือ ระบบแฟรนไชส์ และด้วยเหตุนี้คนไทยที่เป็นกลุ่มนักธุรกิจด้าน ระบบงานสาขา ทั้งที่ได้เริ่มกิจการจากการรับเอารูปแบบธุรกิจ จากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในประเทศรวมถึงกลุ่มที่ต้อง การพัฒนาระบบแฟรนไชส์เอง ได้รวมกลุ่มกันเพื่อสร้างเครือ ข่ายทางธุรกิจและมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ การสร้างความรู้ ด้านแฟรนไชส์ให้กับสังคม นักลงทุนในบ้านเราให้มากที่สุด ด้วยสาเหตุนี้จึงมีการรวมตัวเพื่อจัดตั้ง สมาคมธุรกิจแฟรน ไชส์ เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมในการทำงานเพื่อสังคมและ นักธุรกิจในวงการมากขึ้น
สมาคมธุรกิจแฟรนไชส์เริ่มก่อตั้ง มาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ประมาณ พ.ศ.2536 เริ่มต้นครั้งแรกใน นามชมรมแฟรนไชส์ โดยในช่วงก่อนนั้นมีการนำธุรกิจ ด้านแฟรนไชส์ของต่างประเทศเข้ามาแล้ว เช่น ร้าน MC donald, ร้านไก่ KFC, ร้านสะดวกซื้อ,7-eleven ร้านพิซซ่าฮัท ในขณะนั้นนับว่ามีผู้คนสนใจในธุรกิจแฟรนไชส์ เป็นจำนวนมากการเปิดตัวชมรมครั้งแรกเริ่มด้วยการจัดงาน
สัมมนาเรื่องแฟรนไชส์ที่โรงแรมดุสิต มีคนสนใจร่วมงานนับ พันคนทำให้บริษัทที่ร่วมงานตกลงร่วมกันจัดตั้งเป็นชมรม ประกอบไปด้วย ศูนย์สอนคอมพิวเตอร์ Future kids, ศูนย์สอนภาษาและคอมพิวเตอร์Ecc, Mail Box, อีซี่ส์, โปลิเคม, เทเลวิส ด้วยการประสานงานและสนับสนุนจาก นสพ.คู่แข่ง เป็นแกนกลางที่สำคัญ ทำให้เกิดความร่วมมือ และผู้ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องทั้งด้านประชาสัมพันธ์
การนำข่าวสารเพื่อลงนิตยสารและคอลัมน์ใน นสพ. นับได้ว่า ชมรมแฟรนไชส์ไทยได้เกิดขึ้นครั้งแรกอย่างแท้จริง โดยมี อาจารย์ไกรฤทธิ์ บุญยะเกียรติ เป็นประธาน มีสมาชิก ประมาณ 450 ราย แบ่งเป็น องค์กรบริษัท 50 แห่ง, บุคคลทั่วไป 400 คน และชมรมจัดให้มีการพบปะสมาชิก อยู่เป็นประจำ
การเติบโตเป็นไปพร้อมกับความสนใจจาก ประชาชนและนักลงทุน ซึ่งต่อมาชมรมจึงจดจัดตั้งเป็น สมาคมโดยใช้ชื่อว่า สมาคมธุรกิจแฟรนไชส์ การก่อตั้งองค์ กรเพื่อสังคมและนักธุรกิจแฟรนไชส์ยังพยายามสานปณิธาน ที่มีร่วมกันอย่างต่อเนื่องจากการสร้างงานและร่วมกันปรับ สภาวะของธุรกิจแฟรนไชส์โดยเฉพาะธุรกิจแฟรนไชส์ของ คนไทยให้กลับมาสู่สภาวะปกติ จึงมีการริเริ่มการรวมตัวอีก ครั้ง
ในขณะเดียวกันยังเล็งเห็นความสำคัญของธุรกิจขนาด เล็กของระบบเศรษฐกิจที่มีความสำคัญจึงได้เพิ่มเนื้อหางาน สมาคมเพิ่มขึ้น และเปลี่ยนแปลงชื่อสมาคมพร้อม ตราสัญลักษณ์ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับภาระหน้าที่ที่วาง แนวทางไว้ และเริ่มดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ. 2546 ในนาม สมาคมธุรกิจแฟรนไชส์และเอสเอ็มอีไทย Franchise Thai SMEs Business Association - FSA)