อุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศไทยมีความเจริญมาแล้วไม่แพ้ประเทศอื่นในเอเชียเพราะประเทศอุดมสมบูรณไปด้วยไม้พันธุ์
พันธุ์ไม้หลายชนิดที่เหมาะแก่การต่อเรือดังนั้นจึงปรากฎว่ามีการต่อเรือรบและเรือสินค้าไทยมาตั้งแต่โบราณเรือเดินสมุทรที่ต่อระยะ
แรกส่วนใหญ่เป็นเรืสำเภาแบบจีน (Junk) โดยมีผู้ควบคุมต่อเรือเป็นชาวจีน ส่วนช่างลูกมือเป็นคนไทย
การต่อเรือในสมัยอยุธยา
การต่อเรือกำปั่นแบบฝรั่งเริ่มในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรถโดยได้ทรงขอให้ประเทศฮอลันดาส่งช่าง
ต่อเรือ และเครื่องมือเครื่องใช้มายังประเทศไทย
• เพื่อต่อเรือกำปั่นอย่างฝรั่งขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ และได้เริ่มมี การเรือกำปั่นแบบฝรั่งแบบ 2 เสา (Brig) และ 3 เสา เมื่อ 1 กันยายน พุทธศักราช 2151 และอุตสาหกรรมต่อเรือได้เจริญรุ่งเรืองเรื่อยมาจน
ถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ได้มีหลักฐานว่า ได้้มีการต่อเรือกำปั่น แบบฝรั่งที่กรุงศรีอยุธยาและที่ี่เมืองมะริดโดยจดหมายเหตุของบาท
หลวงเดอชัวรีกล่าวไว้ว่า“พระเจ้ากรุงสยามทรงมีพระราชดำริสร้างเรือ
กำปั่นแบบฝรั่ง มีกำปั่น กว้านเอาลงน้ำเมื่อเร็ว ๆ นี้ 3 ลำ”
สมัยกรุงศรีอยุธยานับเป็นยุคที่อุตสาหกรรมต่อเรือของไทยเจริญรุ่งเรืองมีการต่อเรือเดินสมุทรทั้งสำเภาแบบจีน และกำปั่นแบบ
ฝรั่งเพื่อใช้เป็นเรือหลวงซึ่งเป็นเรือค้าขายด้วยและมีหลักฐานว่ามีการจัดตั้งโรงต่อเรือสินค้าเพื่อส่งออกไปยังขายยังต่างประเทศนับ
ว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ทำใ้ห้เราได้ดีมาสู่ประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
การต่อเรือในสมัยกรุงธนบุรี
ในสมัยกรุงธนบุรีได้มีการใช้ประโยชน์จากเรืออย่างจริงจังในราชการสงคราม โดยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรให้ต่อเรือ
สำเภาแต่ขนาดย่อมกว่าที่ใช้แล่นในทะเลบรรทุกทหารไปตามแม่น้ำจนสามารถยึดกรุงศรีอยุธยาคืนจากพม่าได้
การต่อเรือในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
สมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประเทศไทยได้ติดต่อค้าขายกับประเทศอื่นมากที่สุด โดยใช้เรือสำเภาแบบ
จีน ซึ่งส่วนใหญ่ต่อที่กรุงเทพฯ พ.ศ. 2361 คนไทยมีขีดความสามารถต่อเรือขนาดใหญ่ 1,000 ตัน ได้ถึงปีละ 6 – 8 ลำ ในรัชสมัยพระบาลสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เริ่มยุคเรือกลไฟโดยตัวเรือต่อด้วยไม้ และเครื่องจักรไอน้ำส่งจากต่างประเทศ มาติดตั้งผู้ที่มี
ชื่อเสียงในการต่อเรือในสมัยนั้นมักจะเป็นขุนนางในตระกูลบุนนาค โดยมีที่ปรึกษาเป็นชาวต่างประเทศ
อู่เรือในยุคแรกอู่เรือที่ต่อเรือในสมัยรัตนโกสินทร์
อู่ของทหารเรือตรงข้ามท่าราชวรดิษฐ์บริเวณด้านใต้วัดระฆังโฆษิตา
รามซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ได้โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นเมื่อ
วันที่ 9 มกราคม 2433ปัจจุบันคือ ที่ตั้งของกรมอู่ทหารเรือ
อู่ของข้าราชการ ได้แก่อู่ที่บ้านสมเด็จพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
อู่ของบริษัทเอกชนได้แก่ Bangkok Dock ปัจจุบันคือ อู่กรุงเทพ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของกองทั