738
25 มิถุนายน 2563
กรมพัฒน์ฯ แจงผลจดทะเบียนธุรกิจ เดือน พ.ค. 63 เถ้าแก่ใหม่กว่า 4 พันราย มูลค่าลงทุน 9,672 ล้านบาท
 
 
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยตัวเลขการจดทะเบียนธุรกิจเดือน พ.ค. 2563 จัดตั้งใหม่ 4,195 ราย มูลค่า 9,672 ล้านบาท ส่วนเลิกกิจการมี 905 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 2,975 ล้านบาท ธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด ได้แก่ ก่อสร้างอาคาร อสังหาริมทรัพย์ และขนส่ง ส่วนที่เลิกกิจการสูงสุด ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการให้คำปรึกษา ส่วนต่างด้าวลงทุนไทย พ.ค. 63 จำนวน 45 ราย มูลค่าลงทุน 11,314 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย. 63 จำนวน 5,062 ล้านบาท
 
 
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงผลการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนพฤษภาคม 2563 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
  • จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ ในเดือนพฤษภาคม 2563 จำนวน 4,195 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 9,672 ล้านบาท
  • ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 502 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 172 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงคนโดยสาร จำนวน 128 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
  • ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 3,136 ราย คิดเป็นร้อยละ 74.76 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,001 ราย คิดเป็นร้อยละ 23.86 ลำดับถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 52 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.24 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 6 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.14 ตามลำดับ
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนพฤษภาคม 2563
  • จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนพฤษภาคม 2563 มีจำนวน 905 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 2,975 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
  • ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 109 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 43 ราย คิดเป็นร้อยละ 5 และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ จำนวน 27 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
  • ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 645 ราย คิดเป็นร้อยละ 71.27 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 221 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.42 ลำดับถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 37 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.09 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 2 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.22 ตามลำดับ
ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนพฤษภาคม 2563
  • ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 พ.ค. 63) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 768,371 ราย มูลค่าทุน 18.45 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 188,350 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.51 บริษัทจำกัด จำนวน 578,755 ราย คิดเป็นร้อยละ 75.32 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,266 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17 ตามลำดับ
  • ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 454,308 ราย คิดเป็นร้อยละ 59.13 รวมมูลค่าทุน 0.40 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.17 รองลงมาคือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 226,395 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.46 รวมมูลค่าทุน 0.75 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4.07 ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 71,915 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.36 รวมมูลค่าทุน 1.95 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.57 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,753 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.05 รวมมูลค่าทุน 15.35 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.20 ตามลำดับ
การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว
  • เดือนพฤษภาคม 2563 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 45 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 20 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 25 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 11,314 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน 2563 จำนวน 5,062 ล้านบาท เนื่องด้วยมีนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI หรือประกอบธุรกิจตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีเงินทุนจดทะเบียนสูง โดยเป็นการประกอบธุรกิจสนับสนุนบริษัทในเครือ/ในกลุ่มที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเคมี และกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-COMMERCE) โดยเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มกลางสำหรับจำหน่ายเครื่องจักรอุตสาหกรรม เป็นต้น
  • นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 122 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ จำนวน 4 ราย เงินลงทุน 62 ล้านบาท และฮ่องกง จำนวน 2 ราย เงินลงทุน 28 ล้านบาท
อ้างอิงจาก : MGROnline.com
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,139
PLAY Q by CST bright u..
1,315
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
945
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
942
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
790
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
769
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด