5.6K
30 มีนาคม 2553

ซีอาร์จีปั้นไทยฟู้ดโกอินเตอร์ ทุ่ม 300 ล.รุกปีเสือ ส่งโคลด์สโตนบุก 
 
 

 


       ซีอาร์จี บุกหนักฟาสต์ฟูด เป้าหมายครบ 10 แบรนด์ปีนี้ ซุ่มอาหารไทยหวังลุยต่างประเทศ ทุ่มงบ 300 ล้านบาทลุยสร้างเครือข่ายปีนี้ ล่าสุด คว้าสิทธิ์ไอศกรีมโคลด์สโตนครีมเมอร์รี่จากอเมริกา จ่อขึ้นแท่นผู้นำซูเปอร์พรีเมียม
       
       นายธีรเดช จิราธิวัฒน์ ซีอีโอ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมีแผนลงทุนขยายกิจการด้านอาหารต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังมีสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเกิดขึ้นก็ตาม โดยวางไว้ว่าภายในปีนี้ จะใช้งบประมาณรวมกว่า 300 ล้านบาทใกล้เคียงกับปีที่แล้ว เพื่อลงทุนขยายสาขาทั้งแบรนด์เก่าและการลงทุนแบรนด์ใหม่อีก รวมทั้งการใช้งบตลาดอีก 250 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้ว 10% ปัจจุบันมีร้านอาหารในเครือข่ายของซีอาร์จีรวมทั้งสิ้น 482 สาขา และตั้งเป้าหมายปีนี้จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 530 สาขา
       
 


ซุ่มพัฒนาไทยฟาสต์ฟูด

       ทั้งนี้ นโยบายจะมีทั้งการพัฒนาแบรนด์ของบริษัทฯเองควบคู่ไปกับการซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์อาหารจากต่างประเทศเข้ามาบริหาร โดยพิจารณาจากความเหมาะสม รวมทั้งโอกาสในการลงทุนด้วย ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 8 แบรนด์ที่เปิดบริการแล้วคือ มิสเตอร์โดนัท เคเอฟซี อานตี้แอนส์ เปปเปอร์ลั้นช์ เบียดปาป้า โคลด์สโตน ชาบูตง ซึ่งเป็นการซื้อแฟรนไชส์ทั้งหมด ส่วนอีกแบรนด์คือ เรียวชาบูชาบู เป็นของบริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง
       
       อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ซีอาร์จีได้พัฒนาแบรนด์อาหารตัวเองขึ้นมาแบรนด์หนึ่งชื่อว่า สเต๊กฮันเตอร์ แต่เปิดบริการได้ประมาณ 3-5% ต่อปีก็ยุติบทบาท เพราะไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งช่วงนี้มีสาขาเปิดเช่น ที่เอ็มบีเค บิ๊กซีราชดำริ เป็นต้น รวมทั้งเมื่อปีที่แล้วได้เลิกสัญญากับทางไอศกรีมบาสกิ้นร้อบบิ้นส์ และพิซซ่าฮัท
       
       สำหรับปีนี้แบรนด์ที่เปิดตัวใหม่ คือ ชาบูตง ที่สยามสแควร์ และแบรนด์ไอศกรีมโคลด์สโตนครีมเมอร์รี่ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ นอกจากนั้นแล้ว ในปีนี้เตรียมเปิดตัวอีก 2 แบรนด์ คือ ร้านอาหารไทย ประมาณไตรมาสที่สองซึ่งบริษัทพัฒนาเอง และประมาณไตรมาสสามจะเปิดตัวแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ซื้อแฟรนไชส์มา
       
       แหล่งข่าวจากซีอาร์จี กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาร้านอาหารไทยขึ้นมา มีเป้าหมายที่จะทำตลาดต่างประเทศด้วยการขยายการลงทุนเอง หรือการขายแฟรนไชส์ด้วยในอนาคต เพราะเป็นอาหารไทยฟิวชั่นฟู้ดที่เหมาะกับต่างประเทศด้วย อีกทั้งอาหารไทยก็เป็นที่นิยมสำหรับชาวต่างชาติอย่างมาก
      
       นายธีระเดช กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายไว้เติบโต 5.5% จากปีที่แล้วที่ทำรายได้ไว้ที่ 4,550 ล้านบาท แต่คาดว่าจะทำได้มากกว่าที่ตั้งไว้ ซึ่ง 2 เดือนแรกนี้ บริษัทเติบโตรวม 15% แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้วมีรายได้ติดลบ 2.4% เนื่องจากว่าได้ยกเลิกสัญญาการทำตลาดไป 2 แบรนด์ คือ พิซซ่าฮัทกับบาสกิ้นร้อบบิ้นส์

       
ซื้อสิทธิ์โคลด์สโตนลุย

       ล่าสุด ซื้อแฟรนไชส์ไอศกรีมโคลด์สโตนครีมเมอร์รี่ จากอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยจับกลุ่มซูเปอร์พรีเมียม ซึ่งยังไม่มีคู่แข่งโดยตรงในเซ็กเมนต์นี้อย่างใดในไทย แต่ที่ในตลาดรับรู้และเข้าใจ คือ ฮาเก้นดาส ที่เป็นกลุ่มพรีเมียม
      
       โดยตามแผนงานปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ 50 ล้านบาท เปิดสาขา 10 แห่ง ลงทุนเฉลี่ย 4-5 ล้านบาทต่อาสาขา งบตลาด 10 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 60 ล้านบาท ขณะที่ภายใน 3 ปีจากนี้จะมีรายได้รวม 300 ล้านบาทต่อปี และภายในปี 2558 ตั้งเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำในตลาดซูเปอร์พรีเมียมอย่างชัดเจน

       
       ทั้งนี้ จุดเด่นของไอศกรีมโคลด์สโตน คือ รสชาติเฉพาะตัว ทำสดใหม่ ลูกค้าสร้างสรรค์เมนูเองได้ ผสมผสานความอร่อยลงบนแผ่นหินแกรนิตเย็นจัด ลีลาการเสิร์ฟบริการที่ตื่นเต้น จับกลุ่มเป้าหมายชายหญิง อายุ 18-39 ปี
      
       สำหรับมูลค่าตลาดไอศกรีมโดยรวมในไทย มีประมาณ 13,000 ล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ย 10-12% แบ่งเป็นเซ็กเมนต์พรีเมียม มูลค่า 4,000 ล้านบาท สัดส่วน 30.8% เติบโต 10% ตลาดระดับกลางมูลค่า 8,000 ล้านบาท สัดส่วน 61.5% เติบโต 7-8% และตลาดระดับล่างมูลค่า 1,000 ล้านบาท สัดส่วน 7.7% เติบโตต่ำสุด 2%
 

อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์
 

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
5,406
PLAY Q by CST bright u..
1,057
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
940
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
931
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
780
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
754
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด