|
|
|
|
10 มีนาคม 2553 |
กลอเรียจีนส์พร้อมรบกาแฟพรีเมียม และขายแฟรนไชส์
พรีโมฯพร้อมออกรบตลาดร้านกาแฟพรีเมียม หลังซุ่มเงียบหลายปี คว้าสิทธิ์กลอเรียจีนส์หวังปลุกปั้นใหม่หลังรายเก่าหมดสัญญาในไทย ลั่น 5 ปีจากนี้ ครบ 50 สาขา ลุยแฟรนไชส์ปีนี้แล้ว
นายอภิชัย แตรกังวานกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีโม ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรจ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯมีความพร้อมแล้วที่จะขยายตลาดร้านกาแฟพรีเมียมแบรนด์กลอเรียจีนส์คอฟฟี่ส์ หลังจากที่ได้เป็นผู้ถือสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ในเมืองไทยจากออสเตรเลียมาตั้งแต่ปี 2549 และได้ทำตลาดมาเงียบๆเพื่อสร้างจุดแข็งและแบรนด์และความพร้อมเพื่อทำการรุกตลาดเมืองไทย โดยได้ทำสัญญานาน 10 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีบริษัทอื่นได้สิทธิ์กลอเรียจีนส์ในไทยแต่หมดสัญญาไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจร้านกาแฟในไทยจะมีการแข่งขันค่อนข้างรุนแรงก็ตาม แต่บริษัทฯไม่ได้มองว่าเข้าสู่ตลาดช้ากว่ารายใดในตลาดเมืองไทย เพราะโอกาสของตลาดและศักยภาพของตลาดร้านกาแฟระดับพรีเมียมแบรนด์ในไทยยังมีอีกมาก ซึ่งถ้าเป็นแบรนด์จากต่างประเทศจริงตัวหลักแล้วไทยก็มีเพียง สตาร์บัคส์ เซกาเฟรโด และกลอเรียจีนส์เท่านั้นเอง นอกนั้นก็เป็นแบรนด์ไทย โดยคาดว่าตลาดร้านกาแฟพรีเมียมมีประมาณ 5,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโดเฉลี่ย 20% มีเพียงปีที่แล้วที่เติบโต 15% เพราะภาวะปัญหาต่างๆ
สำหรับแผนธุรกิจจากนี้ไป วางเป้าหมายที่จะขยายสาขาให้ได้ครบเป็น 50 แห่งภายใน 5 ปีนับจากนี้ โดยคาดว่าจะเป็นสาขาของบริษัทฯเองและสาขาของแฟรนไชส์ อย่างละ 50% เท่ากัน ซึ่งในส่วนของษริษัทฯคาดว่าต้องใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีสาขารวมในไทย 3 แห่ง เป็นของบริษัทฯเอง คือที่ อโศก ดิจิตอลเกตเวย์ และ เควิลเลจ
ซึ่งปีนี้บริษัทฯพร้อมเปิดขายแฟรนไชส์ด้วยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย คาดว่าปีนี้จะสามารถสรุปได้อย่างต่ำ1-2 ราย โดยปีนี้วางแผนจะเปิดสาขารวมทั้งสิ้น 4 สาขางบลงทุน 50 ล้านบาท ทั้งนี้ในออสเตรเลียมีสาขารวมกว่า 480 สาขา เป็นแฟรนไชส์มากถึง 90%
เงื่อนไขแฟรนไชส์นั้นขายรายเดี่ยวต่อสาขา กำหนดเงินลงทุนอยู่ที่ 5-6 ล้านบาท พื้นที่เฉลี่ย 60-80 ตารางเมตร อายุสัญญา10 ปี ค่ารอยัลตี้ 6% และค่ามาร์เก็ตติ้ง 2% โดยต้องซื้อวัตถุดิบจากบริษัท คาดระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ย 2-3 ปี ทั้งนี้ทำเลที่มองไว้คือ อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ทั่วไ ป
บริษัทฯมั่นใจว่ากลอเรียจีนส์จะได้รับการตอบที่ดีจากตลาด เพราะช่วงที่ผ่านมาได้ทดลองทำตลาดก็มีการเติบโตที่ดี อีกทั้งราคาสินค้าเครื่องดื่มต่ำกว่าคู่แข่ง กล่าวคือ แบบร้อน ต่ำกว่า 5-20 บาท ส่วนแบบเย็นต่ำกว่า 5-40 บาท โดยราคาแบบร้อนเริ่มต้นที่ 60-130 บาท ส่วนแบบเย็นเริ่มที่ 75-150 บาทต่อถ้วย นอกนั้นยังมีเบเกอรี่ และเครื่องดื่มอื่นที่ไม่ใช่กาแฟด้วย โดยเราตั้งงบการตลาดไว้ 3% จากยอดขาย
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์
|
|
|
|
|
