กสอ.โชว์ 10 Success Case ใช้เทคโนโลยีลดต้นทุนผลิตปีละ 50 ล้าน
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเปิดเวทีสัมมนา Success Case และบูรณาการเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล พัฒนาการออกแบบระบบอัจฉริยะเฝ้าติดตามและตรวจสอบดูแลการทำงานของเครื่องจักร (Machine Monitoring System) โชว์ความสำเร็จ 10 สถานประกอบการดีเด่น ใช้เทคโนโลยีติดตามการทำงานเครื่องจักร ด้วยแนวคิด “3-Stage Rocket Approach” หรือจรวด 3 ขั้น ช่วยลดต้นทุนผลิตได้ปีละ 50 ล้านบาท ตั้งเป้าลดต้นทุนลงอีกร้อยละ 22
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมระบบอัจฉริยะเฝ้าติดตามและตรวจสอบดูแลการทำงานของเครื่องจักร (Machine Monitoring System) ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 โดยมีผู้ประกอบการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จ.สมุทรปราการ ปทุมธานี และนนทบุรี ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 100 กิจการ
แบ่งเป็น กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ 41 กิจการ กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 4 กิจการ กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 32 กิจการ กลุ่มอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร 9 กิจการ กลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม 10 กิจการ กลุ่มอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 2 กิจการ กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล 1 กิจการ และกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร 1 กิจการ
ทั้งนี้ ในจำนวนนี้มีวิสาหกิจต้นแบบความสำเร็จดีเด่น หรือ Success case จำนวน 10 ราย ประกอบด้วย
- บริษัท จักรยานสยาม อุตสาหกรรม จำกัด
- บริษัท ฟิวเจอร์การ์เม้นท์ จำกัด
- บริษัท คอทโก้ พลาสติกส์ จำกัด
- บริษัท ฟูซันอินดัสเตรียล จำกัด
- บริษัท จี พลาสติก จำกัด
- หจก.วี เจ รับเบอร์
- บริษัท เอส เอ็น ซี คูลลิ่ง ซัพพลาย จำกัด
- บริษัท ครีเอทีฟ อินโนเวชั่น จำกัด
- บริษัท คิงส์สเตลล่า แลบบอราทอรี่ จำกัด
- บริษัท สวนหลวงพลาสติก จำกัด
สำหรับโครงการนี้เกิดจากการสร้างความเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิต ผ่านการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น Internet of Things (IoT) Artificial Intelligence (AI) และ Big Data มาประยุกต์ใช้ให้เกิดเป็นรูปแบบการทำงาน พร้อมผลักดัน “3–Stage Rocket Approach” หรือ “จรวด 3 ขั้น” ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่
- Stage 1 : Visualize Machine คือ การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลดึงข้อมูลจากสายการผลิตและเครื่องจักร เพื่อหาสาเหตุของปัญหาและสร้างโอกาสในการปรับปรุง
- Stage 2 : Visualize Craftsmanship คือ การแปลงวิธีการทำงานเป็นดิจิทัล เพื่อใช้ในการจัดทำมาตรฐานการปฏิบัติงานที่แม่นยำและหาวิธีการที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- Stage 3 : Lean Automation System Integrators : หรือ LASI for SMEs คือ การเลือกปรับปรุงระบบอัตโนมัติอย่างเหมาะสมและคุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่ง Machine Monitoring System เป็นเครื่องมือที่ช่วยขับเคลื่อนให้ SMEs ไทยสามารถเข้าถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ จากการดำเนินการดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนในการผลิตได้ถึง 50 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นร้อยละ 15 อีกทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้ถึง 50 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นร้อยละ 15 การเพิ่มประสิทธิภาพของผู้ปฏิบัติงานได้ 15 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นร้อยละ 25 สามารถลดแรงงานคนกว่า 5 ล้านบาทต่อปี คิดเป็นร้อยละ 20 ลดของเสียได้ถึง 10 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15 และคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ 80 ล้านบาทต่อปี
สำหรับปี 2562 นี้ กสอ.ยังคงเดินหน้าโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยได้เริ่มเปิดรับสมัครเอสเอ็มอีภาคการผลิตในกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve พื้นที่กรุงเทพมหานคร ขยายไปถึงภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อผลักดันเอสเอ็มอีเข้าสู่ Stage 1 และ Stage 2 จำนวน 100 กิจการ และ Stage 3 จำนวน 10 กิจการ โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 22
อ้างอิงจาก : MGROnline.com