"อีซี่ส์"เดินเครื่องฟาสต์ฟู้ด"มอร์เก้น" จัดทัพธุรกิจ4กลุ่มพร้อมลุยขายแฟรนไชส์เต็มสูบ

ไส้กรอกอีซี่ส์เปิดแผนรุกตลาดปี 2553 เดินหน้าเพิ่มความแข็งแกร่ง ชู 4 กลุ่มธุรกิจ 3 แบรนด์ "อีซี่ส์ สปอต, อีซี่ส์ คิทเช่น, มอร์เก้น" พร้อมขยายสาขาแฟรนไชส์เต็มเหนี่ยว ปลื้มฟาสต์ฟู้ด "มอร์เก้น" ผลตอบรับดี มุ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ สะดวก รวดเร็ว นำเสนออาหารสไตล์ฟิวชั่นฟู้ด ทั้งเลิกร้านอาหารโมเดลเดิม "อีซี่ส์ เรสเตอรองตส์" ตั้งเป้าโต 10-15%

นางพัชราวดี หมู่นิกร ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อีซี่ส์ อินเตอร์เนอชั่นแนลแฟรนไชส์ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทได้เปิดตัวร้านอาหารคอนเซ็ปต์ใหม่ภายใต้แบรนด์มอร์เก้น (morgen) ที่ทดลองเปิดให้บริการตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว และได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย ถือเป็นธุรกิจตัวใหม่ที่เป็นดาวรุ่งของบริษัท

โดยปี 2553 มีแผนจะรุกตลาดแบรนด์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยคอนเซ็ปต์จะเป็นร้านกึ่งฟาสต์ฟู้ด ผู้บริโภคมาสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์และบริการตนเองในสไตล์ของฟิวชั่นฟู้ด โดยยังคงมีไส้กรอกเยอรมันเป็นสินค้าหลัก เน้นจับกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว

"โมเดลนี้จะมาทดแทนร้านอีซี่ส์ เรสเตอรองตส์ ที่เป็นรูปแบบร้านอาหารที่เปิดให้บริการอยู่ที่เอสซีบี ปาร์ค แต่ได้ปิดตัวลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"
 

นางพัชราวดี กล่าวว่า ที่จริงแล้วจุดเริ่มต้นของของแนวคิดร้านมอร์เก้น คือการเปิดให้บริการหน้าโรงภาพยนตร์เป็นหลัก เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการอาหารที่รับประทานได้รวดเร็ว เพื่อเป็นอาหารสำหรับคนดูหนังรอบดึก อย่างไรก็ตามในอนาคตจะไม่ได้ผูกติดกับโรงหนังเพียงอย่างเดียว แต่จะเน้นโลเกชั่นที่เป็นไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และมีความทันสมัย

ปัจจุบันมอร์เก้นเปิดให้บริการ 3 สาขา ได้แก่ โลตัส ศรีนครินทร์, โลตัส ศาลายา และล่าสุดที่เอสพละนาด แคราย โดยในจำนวนนี้เป็นแฟรนไชส์ 2 สาขา และปีนี้จะเดินหน้าขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์เป็นหลัก ตั้งเป้าไว้ที่ 4-6 สาขา โดยบางสาขาที่เป็นการลงทุนของบริษัทเอง
 

"เราต้องการให้แบรนด์มอร์เก้นแตกต่างและพรีเมี่ยมกว่าอีซี่ส์ สปอต ที่เราเปิดให้บริการตามไฮเปอร์มาร์ท ซึ่งจับกลุ่มแมส แต่ยังคงตั้งราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย หากเป็นไส้กรอกจะเริ่มต้นที่ 25-45 บาท ส่วนจานอิ่มอย่างสปาเกตตีอยู่ที่ 59 บาท สเต๊กก็อยู่ที่ 69-200 กว่าบาท ซึ่งพบว่าเป็นกลยุทธ์การตั้งราคาประสบความสำเร็จ"

นางพัชราวดีกล่าวอีกว่า ปัจจุบันธุรกิจของบริษัทแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ อีซี่ส์ คิทเช่น ที่เปิดให้บริการตามฟู้ดคอร์ต มีทั้งสิ้นกว่า 50 สาขา คิดเป็นสัดส่วน 50% ตามด้วยอีซี่ส์ สปอต คีออสก์จำหน่ายไส้กรอกเยอรมันมีประมาณ 40 สาขา คิดเป็นสัดส่วน 30% ที่เหลือคือ ร้านมอร์เก้น 10% และธุรกิจขายส่ง ให้กับเชนร้านอาหาร ต่าง ๆ อีก 10%

สำหรับปี 2553 คาดว่าจะเปิดสาขาของอีซี่ส์ คิทเช่น และอีซี่ส์ สปอต กลุ่มละ 20-30 สาขา อย่างไรก็ตามธุรกิจที่บริษัท จะเน้นหนัก คือ มอร์เก้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะแฟรนไชส์ใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา รวมถึงธุรกิจค้าส่งที่จะเน้นการเพิ่มบุคลากรเพื่อขยายสัดส่วนรายได้

"นโยบายหลัก ๆ ตอนนี้เราจะเน้นการทำให้ธุรกิจทุกกลุ่มมีความแข็งแรงขึ้น เพื่อพร้อมที่จะเดินต่อไปในอนาคต รวมถึงระบบต่าง ๆ ซึ่งจะเอื้อต่อการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ได้ง่ายขึ้น ปัจจุบันอีซี่ส์ สปอตมีแฟรนไชส์เพียง 10 สาขา ขณะที่ คิทเช่นยังเป็นการลงทุนของบริษัททั้งหมด และคาดว่าจะเปิดแฟรนไชส์ได้ในอนาคต แต่จะเป็นแบรนด์สุดท้ายเพราะระบบการ บริหารจัดการค่อนข้างยุ่งยาก"
 

สำหรับปี 2552 ที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตประมาณ 10-15% เป็นผลมาจากการขยายสาขาใหม่ ๆ จากอานิสงส์ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทำให้พื้นที่ในห้างการเปิดอีซี่ส์ สปอต และอีซี่ส์ คิทเช่น หาได้ง่ายขึ้น และปี 2553 จากการรุกตลาดอย่างเต็มที่ก็ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% เช่นเดียวกัน



อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ