13K
17 กันยายน 2552
เซเว่นฯติดจรวดแฟรนไชส์ มุ่งอาหารโกยมาร์จินสูง 50% 

 
 
 
       เซเว่นอีเลฟเว่น ปรับทิศ มุ่งโฟกัสขายแฟรนไชส์มากขึ้น ตั้งเป้าหมาย สัดส่วน 60% ในอีก 5 ปีจากนี้ พร้อมปรับภาพลักษณ์เป็นร้านสะดวกอิ่มชัดเจนขยายกลุ่มอาหารเครื่องดื่มเป็น 85% ในอีก 3 ปี
       
       นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่นอีเลฟเว่นในไทย เปิดเผยว่า ทิศทางของร้านเซเว่นฯจากนี้ไป บริษัทฯจะหันมามุ่งเน้นการขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายใน 5 ปีจากนี้ จะเป็นร้านของแฟรนไชส์ประมาณ 60-70% และเป็นร้านของบริษัทฯประมาณ 30-40% และตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนร้านของแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3% ต่อปี



 
       
       ปัจจุบันบริษัทมีร้านเซเว่นฯที่เป็นแฟรนไชส์ประมาณ 2,344 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วน 45% ของร้านทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้ประมาณ 5,000 กว่าสาขา และตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขารวมทั้งหมด 5,200 สาขาทั่วประเทศ โดยจะเน้นขายแฟรนไชส์จากร้านเดิมที่บริษัทฯเปิดบริการแล้วและมีกำไรเลี้ยงตัวเองได้แล้ว เฉลี่ย 20,000 กว่าบาทต่อสาขาต่อเดือน
      
       ทั้งนี้ บริษัทมีแฟรนไชส์ 2 รูปแบบให้เลือก คือ แบบ บี ประกอบด้วย ส่วนที่ 1 รวม 500,000 บาท (ค่าสิทธิ์แรกเข้า 350,000 บาท ค่าดำเนินการโอนร้าน 100,000 บาท ค่าดำเนินการอื่นๆ 50,000 บาท) ส่วนที่ 2 เงินสดค้ำประกันเริ่มต้น 400,000 บาท รวมเงินลงทุนเริ่มต้น 900,000 บาท ส่วนเพิ่มเติมเป็นเงินกู้ค้ำประกันจากแบงก์ (ได้รับคืนเมื่อสิ้นสุดสัญญา) 600,000 บาท
       
       แบบ ซี ส่วนที่ 1 ลงทุนรวม 1,750,000 บาท (แบ่งเป็นค่าสิทธิ์แรกเข้า 500,000 บาท ค่าสิทธิ์ในการบริหารร้าน 1,200,000 บาท ค่าดำเนินการอื่นๆ 50,000 บาท) รวม 1,750,000 บาท และเงินกู้ค้ำประกันของแบงก์ 900,000 บาท (ได้รับคืนเมื่อหมดสัญญา) ซึ่งผลตอบแทนของผู้ดำเนินการซื้อแฟรนไชส์จะได้รับคือ 54% ส่วนของบริษัทฯจะมีสัดส่วนรายได้ 46%



 
       
       สาเหตุที่เราหันมาลงทุนเน้นแฟรนไชส์นั้น เป็นไปตามทิศทางของเซเว่นอีเลฟเว่นในต่างประเทศด้วย คือ อันดับที่หนึ่ง ที่ญี่ปุ่น มีแฟรนไชส์ 90% จากสาขาทั้งหมดกว่า 12,000 สาขา อันดับที่สอง คือ อเมริกา มีแฟรนไชส์กว่า 80% และเราต้องการสร้างโอกาสให้กับผู้ที่สนใจลงทุนในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีด้วย ด้วยการลดวงเงินลงทุนลงมา จากเดิมที่สูงถึง 3.5 ล้านบาท และ 2.2 ล้านบาท
      
       นอกจากนั้น ยังมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนร้านเซเว่นอีเลฟเว่นให้เป็นร้านสะดวกอิ่ม จากเดิมเป็นร้านสะดวกซื้อ โดยที่ผ่านมาได้เริ่มทยอยยกเลิกการจำหน่ายสินค้าโกรเซอรี่ อุปโภคต่างๆ ไปกว่า 1,000 เอสเคยูแล้ว และได้เติมสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโฟรเซ่นส์ฟู้ด ชีลฟู้ด กาแฟ เป็นต้น ซึ่งเครือซีพีก็เก่งในเรื่องอาหารอยู่แล้วสามารถสนับสนุนได้เต็มที่ เนื่องจากมาร์จินของอาหารนั้นมีสูงประมาณ 30% เครื่องดื่มมาร์จินสูงถึง 50% และสามารถซื้อได้บ่อยๆ ขายได้ตลอด แต่โกรเซอรี่มีมาร์จินแค่ 11% และการใช้งานและการซื้อซ้ำก็น้อยกว่าด้วย ดังนั้น โอกาสในการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจึงมีมากกว่า โดยขณะนี้สัดส่วนสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มมีประมาณ 70% และสินค้าโกรเซอรี่ 30% และจะปรับเป็น 80% กับ 20% ตามลำดับ
      
       และตั้งเป้าหมายว่า ภายในอีก 3 ปีนับจากนี้ สัดส่วนสินค้าอาหารและเครื่องดื่มจะอยู่ที่ 85% และสินค้าโกรเซอรี่ 15% จากสินค้ากว่า 2,000 รายการในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น
 
 
อ้างอิงจากผู้จัดการออนไลน์
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,214
PLAY Q by CST bright u..
1,329
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
947
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
945
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
794
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
770
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด