ทุกคนมีธุรกิจอยู่ในมือ อาจเป็นกิจการของพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายาย บางคนสร้างขึ้นเอง แต่เมื่อถึงจุดที่จะขยายกิจการมากขึ้น แต่ก็ แป๊ก อยู่แค่นั้น  ในขณะที่ บางคน ขยายเอา ขยายเอา ทั้งๆที่ คุณภาพสินค้า  บริการเราก็สู้ได้  อะไรคือ ข้อแตกต่าง ระหว่าง เถ้าแก่ยุคเก่า ที่นั่งเฝ้าลิ้นชักเก็บเงิน ไปไหนไม่ได้  แล้วขยันมาตลอดชีวิต แต่ธุรกิจกลับไม่โต  กับ เถ้าแก่ชั้นเทพ ที่มีวิธีคิด วิธีการที่ต่างออกไป  อะไรคือข้อแตกต่างตรงนั้น 

 

เข้าร่วมฟัง  สัมมนาดีดี ฟังฟรี 1 ปีมีครั้งเดียว  ที่จะปลุกพลังความเป็นเถ้าแก่ชั้นเทพในตัวคุณให้ก้าวออกมา ลงมือทำจริง เห็นผลจริง บนหลักการที่ใช่  จาก คุณกุลวัฒน์  วิชัยลักษณ์  ผู้ที่มีประสบการณ์ มากว่า 20 ปี ในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจนับกว่า 1,000 สาขา ของแบรนดังๆ

 

สัมมนาฟรี “ปลุกพลัง เถ้าแก่ชั้นเทพ “ นี้ จัดขึ้นโดย ความร่วมมือ ของ สมาคมแฟรนไชส์ไทย ร่วม กับ สสว ,เซเว่นอีเลฟเว่น ,ซีพีออลล์ ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2560 นี้  ที่อาคารซีพีทาวเวอร์ ชั้น 11 ถนน สีลม

 

 

การจัดงานครั้งนี้ เป็นการจัดกิจกรรมประจำปีของสมาคมแฟรนไชส์ไทย คุณ สมจิตร  ลิขิตสถาพร นายก สมาคมแฟรนไชส์ไทย กล่าวว่า “จุดประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ เพื่อ ปลุกพลัง สร้างแรงบันดาลใจ ให้แก่สตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของประเทศไทย บ้านเรามีกิจการที่ดีๆ มีจุดเด่น

ไม่ว่าธุรกิจอาหาร งานบริการด้านสุขภาพ งานศิลปะกีฬามวยไทย กิจการความงาม เป็นที่ชื่นชอบ ของคนไทยเอง และคนต่างชาติ แต่ผู้ประกอบการของเรา ยังขาดความรู้ในวิธีการใหม่ที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้ ซึ่งทางสมาคมแฟรนไชส์ไทย ก็มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงมาก ที่มีความยินดีที่จะถ่ายทอดเทคนิคในการสร้างธุรกิจให้ไปไกลๆได้จริง ที่ผ่านการพิสูจน์มา ครั้งแล้วครั้งเล่า จึงเกิดสัมมนา ปลุกพลัง เถ้าแก่ชั้นเทพ ขึ้นมาในครั้งนี้”

 

 

สำหรับวิทยากรหลัก ที่จะมาปลุกพลัง สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วมงาน ก็คือ  คุณกุลวัฒน์ วิชัยลักษณ์    ซึ่งเป็นผู้ที่ร่วมบุกเบิกในการขยายธุรกิจค่ายไมเนอร์  คือ พิซซ่า คอมพานี สเซ่น  ซิซเลอร์ เบเกอร์คิงส์ เป็นต้น โดยมีประสบการณ์ ในการขยายธุรกิจเหล่านั้นจากสาขาที่ 1 ถึง กว่า 1,000 สาขา ในระยะเวลากว่า       20 ปี และปัจจุบัน คุณกุลวัฒน์   ก็มาทำกิจการของตัวเอง โดยเป็นแฟรนไชซี ร้านสเวนเซ่นส์  6 สาขาและเป็นที่ปรึกษาของสมาคมแฟรนไชส์ไทย และเป็นที่ปรึกษาให้กับหลายธุรกิจ

 

คุณกุลวัฒน์กล่าวถึง  สิ่งที่ต้องการจะบอกในสัมมนาครั้งนี้ว่า “คนที่ทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนมากมีร้านที่ 1 เกิดขึ้นมา  แล้วไม่รู้ว่าจะไปต่อ 2,3,4,5,6,7 ได้ยังไง  และถ้าคุณไม่เข้าใจวิธีการ ในที่สุดก็จะวิ่งชนกำแพง ไปต่อไม่ได้

ฉะนั้นเวลาคิดก็ต้องคิด อย่างมืออาชีพ  ไม่ใช่ทำไปคิดไป ไม่ได้มีการวางแผนก่อนว่า ปีแรกเป็นแบบนี้  ปีที่หกจะเป็นแบบนี้  ปีที่สิบจะเป็นแบบนี้นะ  เจ้าของธุรกิจที่ผมเห็นคือ คิดว่าตัวเองเก่งหมด เก่งคนเดียวทุกอย่าง  แล้วไม่เอามืออาชีพแต่ละด้านเข้ามาช่วย ต้องกล้าซื้อครับ ถึงจุดนึงต้องซื้อมืออาชีพเข้ามาช่วยให้ได้  เถ้าแก่ทั้งหลายมักตัดสินใจใช้ความรู้สึก แต่ถ้าเป็นเถ้าแก่ชั้นเทพ เขาจะเอาความรู้สึก เอาสัญชาติญาณ

บวกกับข้อมูลตัวเลขด้วยมาช่วยตัดสินใจ  ผมอยากให้คนที่เข้ามาฟัง ได้ข้อคิดกลับไปว่า เรามีธุรกิจอยู่ในมือกันทุกคน จะสร้างต่อหรือสานต่อให้ไปไกลว่านี้ได้อย่างไร ผมอยากให้มาฟัง มาเข้าใจเคล็ด ทริกที่ผมจะบอก มันจะต่อยอด ความเป็นเถ้าแก่ของเจ้าของกิจการส่วนตัว ให้ไปอีกระดับหนึ่งได้  เถ้าแก่ชั้นเทพ มันไม่ใช่แค่คำพูดนะ  แต่มันเรื่องของการเติบโต เรื่องของรายได้ เรื่องของกำไรครับ”  

 

สำหรับ วิทยากรรับเชิญ มีอีก 3 ท่าน ล้วนเป็นเจ้าของกิจการชั้นเทพเช่นทั้งสิ้น ที่จะมาแบ่งปันจากประสบการณ์จริง จากความสำเร็จในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจไปให้ถึงฝั่งฝันได้จริง อาทิ เช่น คุณ ศิรุวัฒน์ ชัชวาล เจ้าของกิจการตำมั่ว ที่สานต่อ ร้านส้มตำของแม่ ในเวลาไม่ถึง 10 ปี กลายเป็นธุรกิจกว่า 800 ล้าน จากกว่า 60 สาขา และขายไปแล้วในประเทศ ลาว พม่า และกัมพูชา เป็นต้น

 

กิจกรรม ในงาน 1 วัน มีสิ่งที่น่าสนใจ ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ดังนี้

 

ง่ายมากๆ เพียงแจ้งชื่อ และเบอร์โทร มาได้หลายช่องทางคือ

ท่านสามารถติดตามข่าวสารการจัดงาน รวมถึงตรวจรายชื่อผู้ลงทะเบียนสำรองที่นั่งฟังสัมมนา ได้ที่ Face Book  Fan page สมาคมแฟรนไชส์ไทย,และ www.franchisefocus.co.th