"อาฟเตอร์ยู" ขยับทัพบุกตลาดไทย-เทศ ตั้งเป้า 2 ปี ปูพรม 50 สาขา พร้อมแตกไลน์ร้านขนมหวาน "อาฟเตอร์ยู ทุเรียน" เพิ่มสีสันปลุกตลาด เพิ่มความถี่เมนูใหม่ตลอดปีกระตุ้นกำลังซื้อ หลังผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย เปิดกว้างเจรจาพันธมิตรในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี

 

หลังจากขยับทัพเข้าตลาดทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจให้สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด ความน่าสนใจของแบรนด์ขนมหวาน "อาฟเตอร์ยู" ยังคงได้รับความสนใจไม่หยุด โดยเฉพาะเป้าหมายล่าสุดของการสยายปีก 50 สาขาทั้งไทยและต่างประเทศในอีก 2 ปีจากนี้ รวมถึงความท้าทายของกำลังซื้อที่ต้องปลุกกิมมิกใหม่ๆ เข้ามาสร้างสีสันปลุกเร้า

 

 

นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาฟเตอร์ยู จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายขนมหวานและเบเกอรี่ภายใต้แบรนด์ "อาฟเตอร์ยู" และ "เมโกริ" กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจปีนี้แบ่ง 2 ส่วน คือ การขยายธุรกิจในประเทศเตรียมเปิดไม่ต่ำกว่า 5 สาขา เช่น เซ็นทรัล บางนา เอสพลานาด รัชดาฯ เป็นต้น รวมถึงจะเปิด 1 สาขาในจังหวัดทางภาคอีสานด้วย และถือเป็นสาขาแรกที่จะเปิดในต่างจังหวัด ปัจจุบันมี 20 สาขา แบ่งเป็น อาฟเตอร์ยู 18 สาขา และร้านเมโกริ 2 สาขา

 

ขณะเดียวกันได้แตกไลน์ร้านขนมหวานพิเศษอีก 1 แบรนด์ คือ อาฟเตอร์ยู ทุเรียน สำหรับเมนูภายในร้านนี้จะนำเสนอเมนูพิเศษที่ทำมาจากทุเรียนทั้งหมด เช่น ไอศกรีมทุเรียน ทุเรียนฮันนีโทส น้ำทุเรียนปั่น เป็นต้น โดยเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่สยามพารากอน ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า และคาดว่าปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาเร็วๆ นี้
 

 

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักๆ ของปีนี้ คือ สภาพเศรษฐกิจโดยรวมชะลอการเติบโตลงต่อเนื่อง กระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภค โดยกำลังซื้อไตรมาสแรกปีนี้ไม่ได้เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ดังนั้นบริษัทต้องกระตุ้นตลาดและความสนใจของผู้บริโภค ด้วยการเพิ่มเมนูใหม่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะมีเมนูใหม่มากกว่า 8 เมนู ส่วนไตรมาส 2 นี้ถือว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น และถือเป็นหน้าขายของบริษัท เพราะมีเมนูไฮไลต์อย่างเมนูน้ำแข็งไสใส่ผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งผู้บริโภคให้การตอบรับที่ดี

 

"บริษัทเพิ่มสีสันใหม่ด้วยการเปิดร้านขนมหวาน ทุเรียน ซึ่งเป็นร้านถาวรที่จะเปิดให้บริการต่อเนื่อง ขณะที่ส่วนวัตถุดิบหลักอย่าง ทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้ตามฤดูกาลนั้น ก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว ด้วยการบริหารสต๊อกสินค้าสำหรับรองรับดีมานด์ที่จะเกิดขึ้น"

 

ในส่วนการขยายสาขาต่างประเทศนั้น นายแม่ทัพกล่าวว่า ปีนี้มีความพร้อมมากขึ้น และเปิดกว้างสำหรับการขยายสาขาไปต่างประเทศทุกรูปแบบ ทั้งลักษณะการตั้งมาสเตอร์แฟรนไชส์ จับมือกับพันธมิตร การตั้งบริษัทร่วมทุน ปัจจุบันมีผู้สนใจติดต่อเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจในประเทศซีแอลเอ็มวี ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาการศึกษาตลาด ศึกษารายละเอียด รวมถึงพันธมิตรที่จะร่วมลงทุนด้วย คาดว่าอีก 1-2 ปีข้างหน้าจะได้เห็นอาฟเตอร์ยูขยายสาขาไปยังต่างประเทศ

 

"ปัจจุบันกำลังศึกษาตลาดต่างประเทศอยู่ โฟกัสที่ตลาดซีแอลเอ็มวีก่อน ตอนนี้เปิดกว้างสำหรับผู้สนใจทุกกลุ่ม แต่ถ้าอยู่ในธุรกิจอาหาร ธุรกิจค้าปลีก หรือเกี่ยวข้องกับอาหารก็จะดี เพราะจะเข้าใจกันง่ายขึ้น โปรเจ็กต์ก็จะเกิดเร็วขึ้น"

 

เป้าหมายระยะยาวนั้น บริษัทวางแผนว่าจะเปิดไม่ต่ำกว่า 40-50 สาขาใน 2 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งอาจจะต้องขยายพื้นที่ครัวกลางในส่วนของการจัดเก็บวัตถุดิบเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
 

 

 

นอกจากนี้นายแม่ทัพยังกล่าวถึงกรณีราคาหุ้นของบริษัทว่าราคาหุ้นของบริษัทที่ผันผวนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้สะท้อนถึงสภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัททั้งหมด โดยหลัก ๆ ต้องการให้โฟกัสที่แผนธุรกิจของบริษัทมากกว่าราคาหุ้น จากนี้ไปบริษัทก็เดินหน้าตามแผนธุรกิจที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเติบโตสิ้นปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

 

"ไม่ว่าราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร ก็ต้องทำงานเหมือนเดิม และวันนี้ทุกแผนที่วางต้องเกิดขึ้น ปัจจุบันการทำงานทุกอย่างกำลังเดินไปตามทิศทางที่วางไว้ และไม่ได้ตื่นเต้นกับราคาหุ้นที่เกิดขึ้น เพราะหุ้นที่ดีก็ต้องดูกันยาวๆ"

 

สำหรับผลประกอบการไตรมาสแรกที่ผ่านมา อาฟเตอร์ยูมีรายได้ 156.20 ล้านบาท เติบโต 12.88% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนจากการเปิดสาขาใหม่ แบ่งเป็น รายได้จากร้านขนมหวาน 153.94 ล้านบาท รายได้จากการจัดงานนอกสถานที่ การรับจ้างผลิต และการขายผ่านสำนักงานใหญ่ 2.26 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ อาฟเตอร์ ยู ได้แบ่งธุรกิจเป็น 2 ประเภท คือ ร้านขนมหวาน "อาฟเตอร์ยู" และ "เมโกริ" และบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ เช่น งานแต่งงาน และงานเนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ นอกจากนั้น บริษัทยังรับจ้างผลิตสินค้าให้กับร้านอาหาร หรือแล้วแต่ความต้องการของลูกค้า รวมถึงได้แตกบริษัท ออรั่ม แอนด์ ออรั่ม จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและอุปกรณ์เบเกอรี่

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ

ขอบคุณรูปภาพจาก afteryoudessertcafe.com