2.4K
7 พฤษภาคม 2560
“ไวท์เดย์” จ่อขายแฟรนไชส์รุกตลาดขนมหวาน-เบเกอรี่

 
“ไวท์เดย์” เปิดเกมปี 60 รุกหนักตลาดร้านขนมหวานเบเกอรี เตรียมขายแฟรนไชส์ พร้อมวางแผนผุดสาขาครบ 15 แห่งในอีก 3 ปี ลุยตลาดโซเชียลมีเดีย จ่อสนใจทำแคเทอริง
       
นายอัคเรศ โชคศุภจินดา และนายกรณพัฒน์ ดวงฉายจรัส สองในกลุ่มผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการบริหาร บริษัท ไวท์ เดย์ จำกัด ผู้บริหารร้าน “White Day Patisserie” ร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่นของคนไทยร่วมกันเปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทฯ วางแผนเชิงรุกในการขยายธุรกิจร้าน “ไวท์เดย์” รวมทั้งการทำตลาดมากขึ้นด้วย หลังจากที่เปิดบริการมากว่า 4 ปีแล้วและได้รับการตอบรับอย่างดี
       
ทั้งนี้ วางเป้าหมายระยะยาวที่จะขยายสาขาให้ครบ 15 แห่งภายในอีก 3 ปีจากนี้ ใช้งบลงทุนประมาณ 4 ล้านบาทต่อสาขา โดยสาขาใหม่ที่จะเปิดในปีนี้คาดว่าจะเป็นที่ฟิวเจอร์พาร์ครังสิตประมาณเดือนกุมภาพันธ์นี้
 

โดยวางแผนว่าจะขายแฟรนไชส์ในปีนี้คาดว่าจะเริ่มได้ประมาณกลางปี หรือปลายปีซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมความพร้อมในรายละเอียด เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี เพราะแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักของคนมากขึ้นและที่ผ่านมาก็มีผู้ติดต่อเข้ามามากที่จะขอซื้อแฟรนไชส์ รวมทั้งแนวโน้มของธุรกิจนี้ที่มีการเติบโตดี
       
ปัจจุบันร้าน “ไวท์เดย์” เปิดบริการในไทยแล้ว จำนวน 6 สาขา เป็นการลงทุนเองทั้งหมด คือ เดอะเซอร์เคิล ถนนราชพฤกษ์, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล พระรามเก้า, เดอะมอลล์ บางกะปิ, เมกา บางนา

และล่าสุดที่สยามเซ็นเตอร์ เปิดเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว โดยมีสัดส่วนยอดขายผ่านทางสโตร์ประมาณ 95% ส่วนที่เหลือ 5% เป็นการขายผ่านทางออนไลน์ซึ่งเป็นช่องทางแรกเริ่มที่เปิดดำเนินธุรกิจเมื่อ 4 ปีที่แล้วซึ่งขณะนั้นมีช่องทางออไลน์เป็นหลักกว่า 90%
 
       
ส่วนตลาดต่างประเทศก็มีผู้ที่ติดต่อเข้ามาหลายรายทั้งจาก ดูไบ กัมพูชา เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าคงจะเริ่มการขายแฟรนไชส์ในประเทศก่อนและให้ธุรกิจแฟรนไชส์อยู่ตัวจึงจะเริ่มในต่างประเทศได้

นอกจากนั้น วางแผนเตรียมที่จะลงทุนทางด้านครัวกลางเพิ่มอีกเพื่อขยายกำลังการผลิตขนมหวาน เค้ก เพื่อรองรับการขยายสาขาที่มากขึ้นในอนาคตด้วย ซึ่งปัจจุบันครัวกลางอยู่ที่ถนนสาธุประดิษฐ์ พื้นที่รวมประมาณ 800 ตาราเมตร
       
ขณะเดียวกันมองช่องทางการรับจัดเลี้ยง หรือแคเทอริงไว้ด้วย เพราะเป็นช่องทางที่มีแนวโน้มการเติบโตดีและเหมาะกับธุรกิจที่ทำอยู่ด้วย นอกจากนั้น เป้าหมายระยะยาวของบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจอาหารต่อเนื่องในแบรนด์ใหม่ๆ โดยคาดว่าจะเป็นการพัฒนาแบรนด์ขึ้นมาเอง
 

 
ด้านกลยุทธ์การตลาดจะเน้นไปที่การใช้สื่อโซเชียลมีเดียและการทำตลาดออนไลน์เป็นหลัก เช่น เฟซบุ๊ก, ไลน์, ไอจี เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น ครอบครัว คนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงาน

โดยที่ผ่านมาอัตราการใช้จ่ายของลูกค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 140 บาทต่อคนสำหรับสาขาในเมือง และประมาณ 100 บาทต่อคนสำหรับสาขานอกเมือง โดยมีเมนูขนมหวานที่เป็นจานประมาณ 15 เมนู ราคาเฉลี่ย 175-249 บาท และเค้กประมาณ 20 เมนู ราคาเฉลี่ย 95-135 บาทต่อชิ้น และเครื่องดื่มประมาณ 50 เมนู สัดส่วนยอดขายมาจากเค้ก 20% เครื่องดื่ม 30% และขนมหวาน 50%
       
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2559 มีรายได้ประมาณ 30 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายปี 2560 จะมีรายได้รวม 50 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากแบรนด์ตัวเอง 90% และมาจากการรับจ้างผลิตเบเกอรีขนมหวานอีก 10% ป้อนให้โรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟเบเกอรีต่างๆ ซึ่งเริ่มทำระบบบัตรสมาชิกเมื่อปลายปีที่แล้ว มี 500 ราย

อ้างอิงจาก  ผู้จัดการออนไลน์
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แฟรนไชส์ P.P.TYRE ร่วม..
1,666
แฟรนไชส์ “ไจแอ้นลูกชิ้..
1,470
“โฮมแคร์ภิบาล” จัด Ope..
1,437
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิด ..
1,136
เรียนสร้างแฟรนไชส์ ในค..
889
ธงไชยผัดไทย เปิดโครงกา..
826
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด