นางสาลินี วังตาล ผอ. สสว. (ที่2ขวา) และ นายเรเซป ไบเชอร์ ประธาน KOSGEB แห่งตรุกี (ที่2ซ้าย) ร่วมแถลงข่าว พร้อมประธานสมาคมสปาไทย (ขวาสุด)
 

 

ผอ.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผย ประธานองค์การพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งตรุกี หรือ KOSGEB เดินทางมาไทย พร้อมนักธุรกิจ 14 ราย จากอุตสาหกรรม ไอที อาหาร เครื่องประดับ วิศวกรรม ชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อจัดทำกรอบความร่วมมือ สร้างเครือข่ายธุรกิจ SMEs ครั้งที่ 2

ด้านสสว. นำทีม นักธุรกิจ SMEs 90 ราย ร่วมจับคู่ธุรกิจ ทั้งสองหน่วยงาน คาดความร่วมมือ ครั้งที่ 2 เกิดการจับคู่ธุรกิจไม่ต่ำกว่า 300 ราย เกิดมูลค่า 500 ล้านบาท

       

นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ทางสสว.ได้ร่วมลงนามในกรอบความร่วมมือด้าน การส่งเสริม SMEs (Framework of Cooperation FOC) กับทาง องค์การพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม แห่งตรุกี หรือ KOSGEB โดยนายเรเชป ไบเชอร์ ประธานองค์กร ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งที่ /2 หลังจากกรอบความร่วมมือแรก หมดอายุลงเมื่อ เดือนตุลาคม 2558 และ ครั้งนี้เป็นกรอบความร่วมมือฉบับใหม่

ซึ่งทาง KOSGEB ของตรุกี ได้เสนอที่จะเดินทางมาลงนามในประเทศไทย พร้อมกันนี้ ได้ขอเริ่มพัฒนาความร่วมมือ การสร้างเครือข่ายธุรกิจในระดับผู้ประกอบการทันที ด้วยการนำผู้ประกอบการตรุกี 14 ราย มาร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นภายใต้การประชุม Thai-Turkish SMEs B2B Meeting

        

สำหรับในส่วนของประเทศไทย ได้มีการนำนักธุรกิจ ในหลายภาคอุตสาหกรรมที่น่าจะตรงกับความต้องการของนักลงทุนทีทางธุรกิจนำมาในครั้งนี้ ได้แก่ ธุรกิจสปา อุตสาหกรรมยางรถยนต์ อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการก่อสร้าง เป็นต้น จำนวน 90 ราย

ซึ่งหลังจากการพัฒนาความร่วมมือ การสร้างเครือข่ายธุรกิจที่จัดขึ้นในประเทศไทย ในครั้งนี้ ในครั้งต่อไป ก็จะเป็นหน้าที่ สสว. จะนำผู้ประกอบการ ไทยไปจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจที่ประเทศตรุกี ด้วย

ซึ่งทางสสว.ได้มีการคาดการณ์ว่า การจับคู่ธุรกิจระหว่าง สองหน่วยงานภาครัฐในครั้งนี้ จะเกิดข้อตกลงธุรกิจไม่น้อยกว่า 300 คู่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท และความร่วมมือในครั้งนี้ ถือว่า สองดคล้องกับแนวโน้มใหญ่ของรัฐบาลไทยและตรุกี ที่ตั้งเป้าจะทำข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างกัน

ทั้งนี้ การดำเนินการ กรอบความร่วมมือ ของไทย ตรุกีในครั้งนี้ ถือว่า เป็นช่องทางการค้าใหม่ ๆ นอกเหนือจากประเทศที่ไทยเคยร่วมทำการค้ากับประเทศต่างๆในยุโรปและเอเชีย และ จุดแข็งของ ตรุกี คือ เป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางระหว่าง ยุโรป และเอเชีย และจากความร่วมมือดังกล่าว

นอกจากการสร้างเครือข่ายระหว่างกันแล้ว อีกทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูลข่าวสาร และใช้ประโยชน์จากช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการของกันและกัน โดยSMEs ไทยจะได้รับโอกาสในการใช้ตรุกีเป็นประตูสู่ตลาดในตะวันออกกลาง ยุโรป และแอฟริกาเหนือ และ SMEs ตรุกี ได้รับโอกาสเข้าถึงตลาดไทย และใช้ไทยเป็นประตูสู่ตลาดเกิดใหม่ต่างๆ ภายในภูมิภาคอาเซียน

       

ด้าน นายเรเซป ไบเชอร์ ประธาน KOSGEB แห่งตรุกี กล่าวว่า จากการลงนามความร่วมมือ ในครั้งนี้ ทาง KOSGEB “ได้ขอให้ทางสสว. จัดประชุม Thai-Turkish SMEs B2B Meeting ขึ้นทันที

โดย นำผู้ประกอบการจากตรุกี มาเข้าร่วมครั้งนี้ 14 ราย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ ในจำนวนนี้ ประกอบด้วยผู้ประกอบการด้านไอที รวม 7 บริษัท และผู้บริหารของเขตพัฒนาเทคโนโลยี 1 แห่ง และผู้ประกอบการด้านอาหาร เครื่องประดับอัญมณี วิศวกรรม อะหลั่ยยานยนต์ ที่ปรึกษาทางด้านการพัฒนาแบรนด์ และบริษัทด้านสิ่งแวดล้อม

       

อย่างไรก็ตาม ที่่ผ่านมา ตรุกี ไม่ใช่คู่ค้ารายใหญ่ของไทย แม้ว่าตรุกี จะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 18 ของโลก โดยในปี 2555-2557 ตรุกีเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 41 ของไทย โดยการค้าระหว่างไทย กับตรุกี มีมูลค่าเฉลี่ย ปีละ 42,877 ล้านบาท โดยไทยได้เปรียบดุลการค้ากับตรุกีเสมอ มา ผลิตภํณฑ์ที่ตรุกีสนใจ นำเข้าจากประเทศ เป็นกลุ่มของธุรกิจสปา ก่อสร้าง และอุตสาหกรรม ยานยนต์

        

สำหรับ KOSGEB เป็นหน่วยงานภาครัฐในสังกัด กระทรวงวิทยาศาสตรื อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี โดยมีหน้าทีในการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ก่อตั้ง ปี 2533 มีสำนักงานสาขาทั่วประเทศ 88 แห่ง

มีศูนย์พัฒนาเทคโนโลยี 43แห่ง ซึ่ง KOSGEBเป็นหน่วยงานมีการให้บริการลักษณะคล้ายคลึงกับ สสว. ของไทย และจากความคล้ายคลึงของทั้งสอง ประเทศ น่าจะส่งให้การทำการค้า ระหว่าง SMEs ของทั้งสองประเทศ จะดำเนินไปได้ด้วยดี

อ้างอิงจาก  ผู้จัดการออนไลน์