กว่า 6 ปี ของ “คิง ฟูด กรุ๊ป” ที่ได้ขยายพอร์ตธุรกิจนำเข้าหลากหลายแบรนด์อาหารและเบเกอรี่ชื่อดังจากทั่วโลกมาทำตลาดในไทย ก้าวสู่ปีที่ 7 เตรียม “ต่อยอด” จากประสบการณ์สู่การ “สร้างแบรนด์” ของตัวเอง

 

อุษณีย์ มหากิจศิริ ประธานกรรมการ บริษัท คิง ฟูด กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารและเบเกอรี่ลิขสิทธิ์ แบรนด์ คริสปี้ ครีม, ซินนาบอน, บุลโกกิ บราเธอร์ส ฯลฯ ในประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่เป็นร้านอาหารไทย เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศในปีหน้า โดยสนใจเข้าทำตลาดในภูมิภาคอาเซียน นับเป็นครั้งแรกในการพัฒนาแบรนด์ของตัวเองจากที่ผ่านมาซื้อไลเซนส์เข้ามาทำตลาดในไทย

 

จากการศึกษาและสำรวจตลาดอาเซียนทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสและช่องทางทำธุรกิจ ภายใน 5 ปี ตั้งเป้าหมายพัฒนาแบรนด์ของตัวเอง 1-2 แบรนด์

 

“การทำธุรกิจแฟรนไชส์ทำให้ได้เรียนรู้ระบบการบริหาร การดำเนินงาน การควบคุมธุรกิจร้านอาหาร เบเกอรี่ เครื่องดื่ม”
 

 

แต่ละปีบริษัทใช้งบลงทุนเฉลี่ย 200 -300 ล้านบาท เพื่อขยายสาขา และพัฒนาระบบการทำงาน เพื่อผลักดันผลประกอบการเติบโตเฉลี่ย 25- 30% ต่อปี ปีหน้ายังเตรียมลงทุน 10 ล้านบาท จัดตั้งครัวกลางใน จ.นครราชสีมา เพื่อป้อนวัตถุดิบสู่สาขาต่างๆ จากปัจจุบันมีครัวกลางที่ซอยสุขุมวิท 66

 

ขณะที่การขยายสาขาตั้งเป้าหมายเปิดร้านใหม่ปีละ 20 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขา 40 แห่ง พร้อมอยู่ระหว่างการเจรจากับมาสเตอร์แฟรนไชส์ร้านอาหารและเบเกอรี่ อีก 2 -3 แบรนด์ เพื่อทำตลาดในไทย

 

การเลือกแบรนด์เข้ามาทำตลาดในไทยนั้น นอกเหนือจากการพิจารณาถึง “รสชาติ” จะต้องเป็นแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ เป็นที่รู้จักในตลาดหลายประเทศ ไม่ใช่ “ดัง” ในประเทศใดประเทศหนึ่ง

 

ล่าสุด เริ่มขยายแบรนด์ “ซินนาบอน” 2 สาขาในต่างจังหวัด คือ ที่เดอะมอลล์ นครราชสีมา และศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน และเตรียมขยายช่องทางใหม่เข้าสู่ผู้บริโภคด้วยการเพิ่มบริการ “สแน็คบ็อกซ์” เจาะลูกค้าจัดประชุม สัมมนาต่างๆ

 

ส่วนแบรนด์ใหม่สัญชาติอเมริกันที่บริษัทได้รับไลเซนส์เข้ามาทำตลาดที่ไทย คือ ร้านเครื่องดื่มน้ำผลไม้ “แจมบาร์ จูซ” จะเปิดในช่วงปลายปีนี้ ส่วนร้านแพนเค้ก “IHOP” (International House Of Pancakes) เปิดให้บริการในช่วงต้นปีหน้า
 

 

อุษณีย์ กล่าวต่อว่า การซินเนอร์ยีกับธุรกิจต่างๆ ในครอบครัว “มหากิจศิริ” ได้มีการทำกิจกรรมการตลาดร่วมกัน (Co-Brand) เช่น มอบส่วนลดบัตรชมคอนเสิร์ต หรือเข้าร่วมอีเวนท์ ที่จัดโดย บริษัท โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ของ เฉลิมชัย มหากิจศิริ ในอนาคตมีความเป็นไปได้ในการขยายความร่วมมือ

 

“อาหารและเบเกอรี่แข่งขันค่อนข้างสูง ผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาดนี้ต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อวางกลยุทธ์และดำเนินงานต่างๆ ให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการใส่ใจการบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า โดยจ้างผู้ตรวจสอบจากภายนอกเข้ามาตรวจสอบและควบคุมคุณภาพบริการให้ดีที่สุด”

 

สำหรับผลประกอบการของบริษัทช่วง 3 ไตรมาสแรก เติบโต 10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในระดับ 20% เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อซบเซา

 

อย่างไรก็ดี บริษัทมั่นใจว่าแผนงานเชิงรุกโดยเฉพาะการเปิดตัวแบรนด์ใหม่จะกระตุ้นยอดขายกลับมาเติบโต 20%

 

อ้างอิงจาก  bangkokbiznews.com