ศูนย์วิจัยกสิกร ฟันธง! ปรับค่าแรงขั้นต่ำ กระตุ้น ศก.ปี 60 แค่ผิว
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองปรับค่าแรงขั้นต่ำ 5-10 บ./วัน มีผล 1 ม.ค.60 ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อย ส่งผลผปก.เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เงินเฟ้อเพิ่มร้อยละ 0.03 ส่งผลบริโภคภาคเอกชนและจีดีพีในปี 2560 แค่เล็กน้อย แนะแรงงานยกระดับทักษะ ก้าวข้ามพิงค่าจ้างขั้นต่ำ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยบทความ "ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 305-310 บาท/วัน ส่วนหนึ่งช่วยบรรเทาภาวะค่าครองชีพ" โดยระบุว่า จากที่คณะกรรมการค่าจ้างมีมติเห็นชอบหลักการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำปี 2560 โดยจะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 5-10 บาท/วันใน 69 จังหวัด และไม่ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในอีก 8 จังหวัด
ซึ่งได้แก่ สิงห์บุรี ชุมพร นครศรีธรรมราช ตรัง ระนอง นราธิวาส ปัตตานี และยะลา โดยค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่นี้คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2560 หากผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมครม. ในขณะที่คสรท. มองว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าวไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น จึงได้เสนอให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 360 บาท/วันเท่ากันทั่วประเทศ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำตามมติคณะกรรมการค่าจ้างเฉลี่ยร้อยละ 1.8 นั้น น่าจะเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้มีรายได้น้อยได้ส่วนหนึ่งหลังจากไม่ได้ปรับมาเป็นระยะเวลา 3 ปี ในขณะที่ค่าครองชีพที่วัดจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของผู้มีรายได้น้อยเดือนก.ย. 2559 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 จากเดือนธ.ค. 2556 (ปีที่มีการปรับขั้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วันเท่ากันทั่วประเทศ)
โดยจะส่งผลให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นบ้างที่เฉลี่ยร้อยละ 0.7 ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับจำนวนการพึ่งพิงแรงงานขั้นต่ำในสถานประกอบการว่ามีมากน้อยเพียงใด แต่จะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2560 อย่างจำกัด โดยปรับสูงขึ้นอีกร้อยละ 0.03 และส่งผลเพียงเล็กน้อยต่อการบริโภคภาคเอกชนและจีดีพีในปี 2560
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขประเด็นเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำอย่างยั่งยืนนั้น ทางฝั่งแรงงานควรมีการปรับตัวโดยการยกระดับทักษะ พัฒนาฝีมือและคุณภาพแรงงานเพื่อก้าวข้ามการพึ่งพิงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ในขณะที่ผู้ประกอบการก็ควรยกระดับห่วงโซ่การผลิตไปผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเพื่อให้สอดรับกับทางฝั่งแรงงาน
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์