1.8K
20 ตุลาคม 2559
รัฐฯ ดันธุรกิจเครื่องสำอางโต 10% หลังพบสินค้าส่งออกมีอนาคต

 
 
นางสาวรัตนา เธียรวิศิษฎ์สกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
 
กระทรวงพาณิชย์ นำผู้ประกอบธุรกิจเครื่องสำอาง 120 ราย ดูงาน 3 องค์กรผู้ผลิตเครื่องสำอาง บรรจุภัณฑ์ และสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางรายใหญ่ของประเทศไทย หวังเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจตลอดกระบวนการผลิตจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ตัดตอนต้นทุนการผลิตให้สู้ราคากับคู่แข่งได้ ย้ำธุรกิจเครื่องสำอางไทยยังมีโอกาสเปิดตลาดส่งออกอีกมากหากใช้นวัตกรรมมาสร้างสรรค์ผลผลิตเป็น
       
น.ส.รัตนา เธียรวิศิษฎ์สกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดำเนินการหาช่องทางการเปิดตลาดให้กับผู้ประกอบธุรกิจเครื่องสำอางไทยให้ได้มีโอกาสพบปะและเจรจาธุรกิจกับผู้ผลิตวัตถุดิบรายใหญ่ระดับโลก เพื่อส่งเสริมและลดต้นทุนการผลิตให้แก่ธุรกิจเครื่องสำอางไทย
 
ซึ่งปัจจุบันเครื่องสำอางนับเป็นสินค้าส่งออกของไทยที่น่าจับตามองเพราะสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศในสัดส่วนที่สูงมาก และเพื่อเป็นการขานรับนโยบายดังกล่าว กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจึงได้ดำเนินการจัดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “สร้างมูลค่าเพิ่ม Supply Chain กลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง” ระหว่างวันที่ 9-10 กันยายน 2559 ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง
 

 
ภาพจาก  http://goo.gl/wzZHza

นำผู้ประกอบการรายใหญ่ (Trader) ผู้ผลิตขนาดกลาง (OEM) และผู้ผลิตรายย่อย รวมทั้งหมดจำนวน 120 ราย เข้าร่วมกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ด้านการเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และไฮไลท์สำคัญของกิจกรรมในครั้งนี้คือ การศึกษาดูงาน ณ องค์กรผู้ผลิตและส่งออกวัตถุดิบสารตั้งต้นที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางรายใหญ่ของประเทศไทย เช่น Fatty Alcohol, Glycerin, Methyl esters, Ethyl ester เป็นต้น รวมถึงผู้เข้าร่วมโครงการฯ มีโอกาสได้จับคู่เจรจาการค้าเพื่อเชื่อมโยงธุรกิจในกลุ่มเครื่องสำอางอีกด้วย
       
สำหรับองค์กรที่ผู้ประกอบธุรกิจจะได้ศึกษาดูงานประกอบไปด้วย 3 องค์กร คือ
  1. บริษัท ซีซีแอล ลาเบิล (ไทย) จำกัด จังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้ผลิตฉลากบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ของโลกที่นำนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตทำให้มีความรวดเร็ว คมชัด ดึงดูดใจผู้บริโภค และที่สำคัญหากมีการสั่งผลิตในจำนวนมากจะทำให้มีต้นทุนด้านราคาต่ำลงซึ่งจะช่วยผู้ประกอบธุรกิจประหยัดต้นทุนในการผลิต
  2. บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) จังหวัดชลบุรี ผู้ผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ความงามซึ่งมีกระบวนการพัฒนาสินค้าตั้งแต่ การสร้างผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การจัดส่งสินค้า และการสร้างชื่อเสียงให้ผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนด้านงานวิจัยจากสหรัฐอเมริกาด้วย และ 
  3. บริษัท โกลบอลกรีน เคมิคอล จำกัด (มหาชน) จังหวัดระยอง ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมีในประเทศไทย และผลิตสารตั้งต้นอย่างกลีเซอรีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบส่วนสำคัญของการผลิตเครื่องสำอาง ปัจจุบันผู้ผลิตเครื่องสำอางส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าประเทศไทยสามารถผลิตสารดังกล่าวได้เองแล้ว จึงทำให้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศส่งผลให้มีต้นทุนการผลิตสูงและเกิดข้อเสียเปรียบในการแข่งขันด้านราคากับคู่แข่งทั้งในประเทศรวมไปถึงการส่งออก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยมีนิติบุคคลผู้ผลิตเครื่องสำอางจำนวน 1,912 ราย มีทุนจดทะเบียนรวมกันทั้งสิ้นเป็นมูลค่าถึง 11,517 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ส.ค. 59) ฉะนั้นธุรกิจเครื่องสำอางเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองเพราะมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยิ่ง

อีกทั้งภาครัฐยังได้ตั้งเป้าหมายว่าจะผลักดันให้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยขยายตัวปีละ 10% ซึ่งจะทำให้มีมูลค่าส่งออกติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกภายใน 3-5 ปีข้างหน้า จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจเครื่องสำอางไทย 

อ้างอิงจาก  ผู้จัดการออนไลน์
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แฟรนไชส์ P.P.TYRE ร่วม..
1,427
แฟรนไชส์ “ไจแอ้นลูกชิ้..
1,350
“โฮมแคร์ภิบาล” จัด Ope..
1,245
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิด ..
886
เรียนสร้างแฟรนไชส์ ในค..
840
ออลส์ บับเบิ้ลที เปิด ..
529
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด