|
|
|
|
23 กุมภาพันธ์ 2559 |
อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์บุกอาเซียนจับมือวิน ดีเอสเปิดสาขาในเวียดนาม
ภาพจาก http://goo.gl/9MdUR6
น.ส.กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในปี 2558 มีการแข่งขันที่รุนแรงมาก โดยเฉพาะการหาลูกค้า โดยการใช้การลดราคาสูงถึง 80-90% เนื่องจาก ผู้บริโภคไม่ค่อยกล้าจับจ่ายใช้สอย จึงทำให้ผู้ผลิต เฟอร์นิเจอร์หันมาแข่งขันด้านราคากันอย่างรุนแรง เพื่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่รวดเร็ว สำหรับภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ในปี 2559 น่าจะเติบโต ไม่เกิน 3-5% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 8 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้จากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทมีแผนในการขยายสาขาไปยังอาเซียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของ แต่งบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียนมีแนวโน้ม ขยายตัวที่ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนทั้งเรื่องของ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ รายได้ของประชากร และพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีลักษณะความต้องการสินค้าใกล้เคียงกัน บริษัทจึงเร่งศึกษาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเปิดตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนในประเทศต่างๆ โดยได้เข้ามาเจรจาหาลู่ทางการลงทุนร่วมกัน ล่าสุดบริษัทได้ลงนามการให้สิทธิ์แฟรนไชส์อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ กับ VinDS (วิน ดีเอส) บริษัทในเครือ VinGroup (วินกรุ๊ป) ซึ่งเป็นกลุ่มทุน รายใหญ่ที่สุดของเวียดนามเพื่อเปิดอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ในเวียดนามอย่างเต็มรูปแบบ
"ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตลาดค้าปลีก ในเวียดนาม เป็นตลาดที่ดึงดูดนักลงทุนมากเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย รองจากจีน ซึ่งเป็นตัว ชี้วัดสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จากข้อมูลพบว่าในปี 2558 เศรษฐกิจเวียดนาม ขยายตัวถึง 6.28% ถือเป็นอัตราการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี นอกจากนี้อำนาจซื้อของชาวเวียดนามที่มีจำนวน กว่า 90 ล้านคน มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ด้วยรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปี ที่เพิ่มขึ้นกว่า 10% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา" น.ส.กฤษชนก กล่าว
ทั้งนี้กลุ่มสินค้าระดับกลางถึงบน ที่มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคกลุ่ม รายได้ปานกลางของเวียดนาม ได้แก่ อุปกรณ์เทคโนโลยี เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน รถยนต์ และเฟอร์นิเจอร์ แต่ความหลากหลายของสินค้า ในตลาดเวียดนามยังมีน้อย จึงนับเป็นช่องทาง ในการเข้าไปลงทุนอย่างมาก โดยเฉพาะในนครโฮจิมินห์
น.ส.กฤษชนกกล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสในการเปิดสาขาในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย เพิ่มเติม รวมถึงการขยายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของตกแต่งบ้าน คาดว่าภายใน 3 ปีข้างหน้า สัดส่วนจะเพิ่มเป็น 80%
สำหรับแผนการขยายสาขาในไทยนั้น จะเปิดอีก 3-5 สาขา เน้นที่ จังหวัดหัวเมืองรอง ในรูปแบบสาขาขนาดเล็กลง 5,000-7,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากเดิมที่เป็นขนาดใหญ่ 1 หมื่นตร.ม.ขึ้นไป เริ่มที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร และจ.นครศรีธรรมราช ใช้งบลงทุน 300-350 ล้านบาท โดยตั้งเป้าปี 2559 บริษัทจะมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
อ้างอิงจาก ryt9.com
|
|
|
|
|
