2.6K
1 พฤศจิกายน 2558
ยัม แบรนด์ ลดเสี่ยง แตกบริษัทรับตลาดจีน ผันผวน


หลังจากส่งร้าน "เคเอฟซี" เข้าไปปักธงในกลางกรุงปักกิ่งเมื่อเดือน พ.ย. ปี 1987 (พ.ศ. 2530) หรือกว่า 28 ปีก่อน ซึ่งได้ทำให้ "ยัม แบรนด์" (Yum Brand) ถือเป็นฟาสต์ฟู้ดจากชาติตะวันตกรายแรกที่เข้าไปทำตลาดหลังม่านไม้ไผ่ของจีน จนปัจจุบันแดนมังกรมีสาขาเชนฟาสต์ฟู้ดของเครือยัมทั้ง "เคเอฟซี" และ "พิซซ่าฮัท" รวมกว่า 6,900 สาขา สร้างรายได้มากกว่าครึ่งของรายได้รวม 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตามการแข่งขันที่สูงขึ้น และสภาพเศรษฐกิจผันผวน กำลังบีบให้บริษัทต้องเร่งหาทางรับมือกับการเติบโตที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ ได้รายงานว่า "ยัม แบรนด์" ได้ตัดสินใจปรับโครงสร้างบริษัทครั้งใหญ่ด้วยการแยกหน่วยธุรกิจฟาสต์ฟู้ดในจีน ออกไปเป็นบริษัทเอกเทศชื่อว่า "ยัม ไชน่า" (Yum China) มีฐานะเป็นแฟรนไชซีของ "ยัม แบรนด์" พร้อมถือสิทธิ์เอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ "เคเอฟซี" "พิซซ่าฮัท" และ "ทาโก้เบล" (Taco Bell) ในตลาดจีน โดยจะต้องหักเปอร์เซ็นต์ในจำนวนที่ไม่เปิดเผยจากยอดขายมาจ่ายเป็นค่าไลเซนส์ด้วย ซึ่งการปรับเปลี่ยนนี้จะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2016

ในส่วนของการบริหารองค์กรนั้น "มิกกี้แพลนท์" ซึ่งนั่งตำแหน่งซีอีโอของหน่วยธุรกิจในจีนมาตั้งแต่เดือน ส.ค. จะรับหน้าที่บริหาร "ยัม ไชน่า" ที่สำนักงานใหญ่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ต่อไป ส่วนหัวเรือใหญ่ของ "ยัม แบรนด์" ยังคงเป็น "เกรก ครีต" เช่นเดิม

"เกรก ครีต" ซีอีโอ ของ "ยัม แบรนด์" อธิบายการตัดสินใจครั้งนี้ว่า เป็นไปตามโรดแมปที่จะเปลี่ยนโมเดลธุรกิจหันไปเน้นขายแฟรนไชส์เป็นหลัก โดยตั้งเป้าให้ร้านสาขาทั่วโลกอย่างน้อย 95% จะต้องมีแฟรนไชซีบริหาร และเป็นเจ้าของภายในสิ้นปี 2017 เพื่อลดความเสี่ยง รวมถึงสร้างกระแสรายได้ที่สม่ำเสมอให้กับธุรกิจ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับเหล่าผู้ถือหุ้นไปพร้อมกันด้วย


"กลยุทธ์นี้กำลังเป็นเทรนด์มาแรงของธุรกิจฟาสต์ฟู้ดในการรับมือตลาดที่ผันผวนและแข่งขันสูง สะท้อนจากคู่แข่งอย่าง "แมคโดนัลด์" และ "เรสเตอร์รอง แบรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล" ผู้บริหารร้านเบอร์เกอร์คิงที่ต่างพยายามลดสัดส่วนร้านสาขาที่บริหารเองลงเช่นกัน"

ด้าน "คีท ไมสเตอร์" หนึ่งในบอร์ดบริหารของยัม แบรนด์ และผู้ผลักดันแนวคิดแยกบริษัทครั้งนี้กล่าวเสริมว่า นอกจากลดความเสี่ยงแล้ว การแยกหน่วยธุรกิจจีนออกไปยังเป็นการจูงใจบรรดานักลงทุนด้วยตัวเลือกระหว่างหุ้น "ยัม ไชน่า" ที่มีโอกาสเติบโตสูงและความเสี่ยงสูง กับหุ้น "ยัม แบรนด์" ที่เติบโตไม่หวือหวา แต่มีรายได้สม่ำเสมอ

สอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์ที่ต่างมองว่า ผลงานของ "ยัม แบรนด์" ในจีนถดถอยติดต่อกันมานานกว่า 4 ปี จากที่เคยทำสถิติรายได้เติบโตถึง 35% แตะ 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงกำไรจากการบริหารที่โต 20% เป็น 908 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี 2011 แต่ปีที่แล้วตัวเลขรายได้จากตลาดจีนขยับขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ที่ 6.9 พันล้าน ในขณะเดียวกันกำไรจากการบริหารกลับลดลงถึง 8% เหลือเพียง 713 ล้านเหรียญสหรัฐ

การถดถอยนี้เป็นผลจากหลายปัจจัยทั้งสภาพเศรษฐกิจ คู่แข่งท้องถิ่นที่เน้นกลยุทธ์ราคา และกรณีอื้อฉาวต่าง ๆ ของซัพพลายเออร์ รวมไปถึงแผนการตลาดที่ผิดพลาด เช่น พิซซ่าฮัทที่ตัดสินใจเปิดตัวเมนูราคาแพงในไตรมาสที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้บริโภคจีนกำลังต้องการความคุ้มค่าส่งผลให้ยอดขายลดลง หรือเคเอฟซีที่ไม่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ มานาน

อย่างไรก็ตาม "เกรก ครีต" ยังยืนยันว่า แม้จะมีการปรับโมเดลธุรกิจ แต่บริษัทยังเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดจีน และยังมีแผนทำตลาดอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายระยะยาวที่จะมีสาขาถึง 20,000 แห่ง

อ้างอิงจาก  ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
963
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
662
“เติมพลังความรู้” กับ ..
595
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
565
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
558
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
521
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด