2.1K
2 ตุลาคม 2558
“คอมแพริซัน ดอท เอเชีย” เปิดเทรนด์การค้าออนไลน์ หนุน SMEs ไทยโตยั่งยืน


ปัจจุบัน SMEs หรือกลุ่มผู้ประกอบการภาควิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นหนึ่งในขุมกำลังสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคและการกระจายรายได้ภายในประเทศและภูมิภาคเอเชีย ภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ จึงให้ความสำคัญกับกลุ่ม SMEs เป็นพิเศษ และยังส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาศักยภาพกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำแนวคิด Digital SMEs มาใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนธุรกิจ

ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ ที่ให้ความสำคัญกับ "Digital Economy" ยุคแห่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่นำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตมวลรวมของประเทศ นำโดย Digital Commerce หรือการค้าบนโลกออนไลน์ที่กำลังมาแรงและเป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะตลาดประเทศไทยพบว่า มีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ SMEsไทยสามารถยืนหยัดและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล รวมถึงการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ในปีหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง

เพื่อเตรียมความพร้อมก้าวสู่เวทีระดับภูมิภาคอย่างเออีซีในปี 2559 นี้ "คอมแพริซัน ดอท เอเชีย (Comparison.asia)" ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ จึงได้จัด "คิดทะลุกรอบ เพิ่มยอดขาย ขยายตลาด" เพื่อเปิดมุมมองการทำการค้าออนไลน์ให้แก่เอสเอ็มอี ติดอาวุธการเพิ่มยอดขายและขยายตลาดด้วยการใช้ประโยชน์จากอีคอมเมิร์ซอีโคซิสเต็ม เทคโนโลยีในการเริ่มต้นธุรกิจและขยายตลาดบนโลกออนไลน์แบบครบวงจร

นำโดย 3 กูรูทางการตลาดชั้นนำอย่าง "ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย" "รวิศ หาญอุตสาหะ" และ "ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ" มาถ่ายทอดประสบการณ์อันเป็นประโยชน์ในการช่วยผลักดันยอดขายให้กลุ่มเอสเอ็มอี เติบโตและขยายตลาดไปช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะการทำธุรกิจออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ที่ต้องการความสะดวกสบายในการค้นหาข้อมูล และเปรียบเทียบสินค้าก่อนการตัดสินใจซื้อสินค้า

คนแห่ช้อปออนไลน์ ดันยอดขายผ่านอีคอมเมิร์ซโตสูงปีละ 20%นายยศสันต์ ศรีสุชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอมแพริซัน

ดอท เอเชีย กล่าวว่า "จากข้อมูลของนีลเส็นพบว่า มูลค่ารวมของตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคอาเซียนมียอดขายปีละ 30,000 กว่าล้านบาท และมีการเติบโตปีละกว่า 20% สะท้อนให้เห็นว่ามีคนจำนวนมากสนใจเข้ามาทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นในยุคดิจิทัลนี้ โดยคาดหวังจะใช้ช่องทางออนไลน์ให้เป็นประโยชน์ในการเพิ่มยอดขายและขยายธุรกิจนั้นๆให้เติบโตยิ่งขึ้น รวมถึงการมองหาโอกาสการขยายตลาดไปต่างประเทศ

ทุกวันนี้ ในประเทศไทย มูลค่ารวมของการค้าขายออนไลน์คิดเป็นสัดส่วน 0.6% ของมูลค่าการค้าปลีกในประเทศเท่านั้น โดยประเทศที่มีสัดส่วนมูลค่ารวมการค้าขายออนไลน์เทียบเคียงมูลค่าการค้าปลีกสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 9% และจีน 8% ขณะที่ภูมิภาคอาเซียน สิงคโปร์นำเป็นอันดับ 1 ที่ 3.5% ตามด้วยฟิลิปปินส์ 3.1% มาเลเซีย 1.4% อินโดนีเซีย 0.7% โดยไทยอยู่อันดับรองสุดท้ายที่ 0.6% ซึ่งถือว่ามูลค่ารวมของการค้าขายออนไลน์ยังต่ำอยู่หากเทียบกับมูลค่าการค้าปลีกในประเทศ และอันดับสุดท้าย คือ เวียดนาม 0.5%

นักการตลาดเผย 8 ธุรกิจที่น่าทำและไม่ตกเทรนด์อาจารย์ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ด้านการตลาด กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคดิจิทัลนี้ แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จต้องมี Lucky Factor หรือเฮง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องอยู่ถูกที่ ถูกเวลา และถูกธุรกิจ โดยธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์และน่าสนใจในช่วงเวลานี้ได้แก่ 1. ธุรกิจอาหาร 2. ความงาม 3. สุขภาพ4. การศึกษา 5. เทคโนโลยี 6. ธุรกิจที่เกี่ยวกับเด็ก 7. ธุรกิจที่เกี่ยวกับผู้หญิงเป็นคนตัดสินใจซื้อ และ 8. ธุรกิจที่เกี่ยวกับผู้สูงวัย ซึ่งอีก 15 ปีข้างหน้าคนไทยที่มีอายุ60 ปีจะมีสัดส่วนถึง 25% ขณะที่ญี่ปุ่นปัจจุบันมีคนอายุ 65 ปี 25% และจะเพิ่มเป็น 33% ในอีก 15 ปี ซึ่งผู้ประกอบการใดที่ทำธุรกิจผู้สูงวัย ตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดหนึ่งที่น่าสนใจ"

"สิ่งที่ต้องมีในการทำแบรนด์ยุคนี้ คือ 1. Great Buzz สร้างกระแสบอกต่อให้เกิดขึ้นแทนที่จะมีแต่สินค้าที่ดีเพียงอย่างเดียว 2. Uniqueสร้างจุดโดดเด่น นอกเหนือจากสร้างความน่าเชื่อถือ 3. Memorableสร้างการจดจำ มากกว่าจะนำเสนอแต่สิ่งที่ดีที่สุด และ 4. Tell a Storyบอกเรื่องราวของสินค้า เพื่อให้คนรู้สึกมีส่วนร่วมและอยากที่จะบอกต่อ" อาจารย์ธันยวัชร์กล่าว

ศรีจันทร์คิดนอกกรอบดันยอดขายโตก้าวกระโดดนายรวิศ หาญอุตสาหะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด

ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้พลิกโฉมแบรนด์ศรีจันทร์ ให้โดนใจผู้บริโภคด้วยวิธีคิดทะลุกรอบกล่าวว่า "เรื่องราวหรือตำนานของผงหอมศรีจันทร์ ที่ทำให้หน้านุ่มเนียน หน้าไม่มันมีมานานกว่า 60 ปี ไม่เพียงแต่แบรนด์ที่ดูโบราณ ในส่วนของแพ็กเกจจิ้งก็ดูไม่ทันสมัย ทำให้ผู้บริโภครู้สึกไม่ภาคภูมิใจเวลาใช้สินค้า ขณะที่ร้านค้าปลีกรายย่อยเองก็ไม่อยากนำมาวางบนชั้นเพื่อให้ผู้บริโภคเห็นได้ง่าย

ดังนั้นผลิตภัณฑ์นี้ถึงเวลาต้องเปลี่ยนหรือรีแบรนด์ครั้งใหญ่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแผนการตลาด ตัวผลิตภัณฑ์ การเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งให้มีความหลากหลาย การเพิ่มช่องทางการจำหน่าย การแจกสินค้าตัวอย่าง รวมถึงการทำตลาดผ่านสื่อช่องทางต่างๆ อาทิ ภาพยนตร์โฆษณาสื่อวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และสื่อออนไลน์"

"ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ศรีจันทร์ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก นำโดยศรีจันทร์ ทรานส์ลูเซนต์ พาวเดอร์ แป้งฝุ่นแพ็กเกจสีม่วง ดีไซน์สวยงาม ใช้ส่วนประกอบนำเข้ามาจากญี่ปุ่นและสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนตัวสีเขียว สูตรทานาคา ที่ทำวิจัยร่วมกับ สวทช. นาโนเทคก็ขายดีเช่นกัน รวมถึงเบบี้ พาวเดอร์ แป้งสำหรับเด็กก็กำลังเป็นนิยมในตลาด ล่าสุดศรีจันทร์เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับผู้ชายในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้"
เผยคนไทยนิยมซื้อสินค้าแฟชั่นผ่านเฟซบุ๊ค

นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ TARAD.com นักบุกเบิกธุรกิจนักสร้างจุดขายที่แตกต่าง ผู้เชี่ยวชาญทั้ง E-Commerce และ E-Marketingผู้มาพร้อมกับเครื่องมือออนไลน์ที่จะช่วยเพิ่มยอดขาย สร้างรายได้และกำไรให้

เพิ่มพูน กล่าวว่า "ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันช่องทางออนไลน์มีความได้เปรียบและน่าสนใจมากกว่าธุรกิจที่มีหน้าร้าน เพราะได้เปรียบตรงต้นทุนต่ำ จำนวนสินค้าที่ขาย ขายสินค้าได้ตลอดเวลา ทุกที่ ทั้งในประเทศและทั่วโลก"

นอกจากนี้ ช่วงอายุคนไทยที่เคยซื้อของผ่านโซเชียลมีเดียจะอยู่ที่อายุ 15-34 ปี และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง คิดเป็นสัดส่วน 55.9% ซึ่งสินค้าที่คนไทยนิยมซื้อ เช่น สินค้าแฟชั่น (เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า) อุปกรณ์ไอที เครื่องสำอาง เป็นต้น ส่วนราคาที่ซื้ออยู่ที่ 500-1,000 บาท ขณะที่ช่องทางที่นิยมใช้ในการทำการค้าออนไลน์ คือ เฟซบุ๊ค สังคมออนไลน์ยอดฮิต 3 ปีซ้อน ส่วนทวิตเตอร์และอินสตาแกรม เป็นที่นิยมในกลุ่มเพศที่ 3 ใช้กันมาก ส่วนไลน์ เป็นที่นิยมของกลุ่มเบบี้ บูมเมอร์"

ปัจจุบันโซเชียลมีเดียในประเทศไทยมีการเติบโตที่สูงมาก โดยเฟซบุ๊คมียอดผู้ใช้งานสูงถึง 37 ล้านคน ขณะที่อิน-สตาแกรมมีผู้เล่น 7.8 ล้านคน โดยช่วงอายุ 18-24 ปีมีสัดส่วนสูงสุดที่ 41% ทั้งนี้ ในส่วนร้านค้าในเฟซบุ๊คปัจจุบันมี 10,515 ร้านค้า และร้านค้าในอินสตาแกรมมี 11,213 ร้านค้า รวมถึงการฝากร้านบนอินสตาแกรมคนดังทั้งหมด 58,809 ครั้ง

จากข้อมูลทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าการทำธุรกิจการค้าผ่านออนไลน์หรืออีคอมเมิรซ์มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอนาคตจะเป็นช่องทางสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจ SMEs ไทย ขยายตลาดได้กว้างขึ้น และช่วยเพิ่มยอดขายให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ดังนั้น เริ่มทำตั้งแต่วันนี้ เพื่อสร้างความได้เปรียบให้แก่ธุรกิจของคุณในการที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ผู้สนใจทำการค้าออนไลน์หรือตลาดอีคอมเมิร์ซสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.comparison.asia

อ้างอิงจาก  www.ryt9.com
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
alls BUBBLE TEA แฟรนไช..
1,117
ยู้ฮู หวานเย็นเปิดสาขา..
1,030
รสเด็ดก๋วยเตี๋ยวกระทุ่..
926
สัมมนาลงทุน แฟรนไชส์คุ..
751
ยินดีต้อนรับ “ครอบครัว..
674
DOCTOR COSMETICS ACADE..
599
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด