2.6K
10 กันยายน 2558
แบงก์กสิกรไทยหนุนสร้างเครือข่าย SME ภาคเหนือเต็มสูบ


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - แบงก์กสิกรไทยหนุนสร้างเครือข่าย SME เผยภาคเหนือมีสมาชิกกว่า 1,000 ราย ชี้สินค้าประเภทอุปโภคบริโภคเด่นสุดที่จะนำไปตีตลาดอาเซียนได้
      
ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษาจังหวัดเชียงใหม่ ธนาคารกสิกรไทยจัดงานสถาปนาคณะกรรมการชมรม K SMEs ภาคเหนือ และบรรยายพิเศษทางเศรษฐกิจในหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจเชียงใหม่กับโอกาส SMEs”
      
นายเทียน พงศ์วิริยะศิริ ผู้จัดการเขตธุรกิจลูกค้าผู้ประกอบการ 2 เขต 21 ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้สนับสนุนการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ SME มาอย่างต่อเนื่อง โดยผ่านการจัดโครงการอบรมผู้ประกอบการ K SMEs ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อให้ทั้งองค์ความรู้และสร้างเครือข่าย โดยได้จัดไปแล้วกว่า 20 รุ่น มีผู้ประกอบการเข้ามาอบรมทั่วประเทศกว่า 12,000 ราย ทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วทุกภูมิภาค
      
สำหรับธุรกิจเครือข่าย K SMEs ภาคเหนือถือเป็นเครือข่ายผู้ประกอบการ SME ที่แข็งแกร่งที่สุดภาคหนึ่ง โดย K SMEs ภาคเหนือได้เริ่มก่อตั้งในปี 2551 โดยมีสมาชิกที่ผ่านการอบรมหลักสูตร K SMEs จำนวนกว่า 1,200 คน และมีการจัดกิจกรรมที่สร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงธุรกิจระหว่างกันมาอย่างต่อเนื่องและหลากหลาย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการทำธุรกิจให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

      
ด้าน น.ส.เกวลิน หวังพิชญสุข ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคและจุลภาค ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้บรรยายในหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจเชียงใหม่กับโอกาส SMEs” ว่า หากมองในระยะสั้นภาคเหนือก็คงหนีจากภาพรวมของเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่พ้นเหมือนกับภาคอื่นๆ
      
โดยภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศไทยตอนนี้อยู่ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำแต่ยังมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในไม่ช้า สำหรับเศรษฐกิจในภาคเหนือ คิดว่าในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเจริญเติบโตได้ดีกว่าทุกภูมิภาค เพราะมีแรงขับเคลื่อนมาจากภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม
      
สำหรับจุดเด่นของภาคเหนือก็จะเป็นส่วนของธุรกิจด้านการบริการ เช่น การท่องเที่ยว และการค้าชายแดน ซึ่งมองไปในอนาคตภาคเหนือจะมีจุดยุทธศาสตร์หลายจุด ซึ่งถือว่าได้เปรียบกว่าหลายๆ พื้นที่ในประเทศ และภาครัฐมีแผนที่จะเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่จะครอบคลุมพื้นที่ทั้ง อ.แม่สอด จ.ตาก และ จ.เชียงราย เพื่อจะเป็นตัวผลักดันให้เศรษฐกิจของภาคเหนือในอนาคตมีโอกาสที่จะเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
      
น.ส.เกวลินกล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่มีจุดเด่นและความแข็งแรงในเรื่องของเครือข่าย และความคิดสร้างสรรค์ จึงคิดว่าหากมีการดึงจุดแข็งตรงนี้ขึ้นมาใช้ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจเชียงใหม่เจริญเติบโตได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจุดเด่นทางด้านการเกษตรและอาหาร ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าที่จะผลักดันให้มีการส่งออกไปยังชายแดนและส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มมากขึ้น และถือว่าจังหวัดเชียงใหม่มีบทบาทที่สำคัญในการดึงเศรษฐกิจของภาคเหนือให้กลับมาดีขึ้นถึงแม้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะตกต่ำก็ตาม
      

สำหรับธุรกิจ SME ที่จะเข้าไปตีตลาดอาซียนนั้นต้องมองว่าสินค้าไทยเป็นสินค้าที่เพื่อนบ้านในแถบประเทศอาเซียนให้การยอมรับกับคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าจากประเทศไทยมาโดยตลอด และได้ติดตามข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ก็คิดว่าธุรกิจในหมวดของสินค้าบริโภคและอุปโภคเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ได้ดีและถูกทางที่สุด
      
นอกจากนี้ การที่กลุ่มประเทศอาเซียนมีการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ให้เชื่อมโยงทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมกันก็จะสนับสนุนทั้งด้านการขนส่ง, ด้านคมนาคม และสนับสนุนให้ประเทศเพื่อนบ้านมาทำการค้า การลงทุน และช่วยส่งผลให้การท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคคึกคักมากยิ่งขึ้น
      
การแก้จุดอ่อนสำหรับธุรกิจ SME ที่จะต้องพัฒนาก่อนการเข้าสู่การเปิดประเทศอาเซียนก็ต้องบอกก่อนว่า ธุรกิจ SME เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างอ่อนไหวกับภาวะเศรษฐกิจ ในภายภาคหน้าธุรกิจ SME อาจจะต้องมีการเชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจขนาดใหญ่ไปด้วย และจะต้องมีการปรับตัวทั้งเรื่องประสิทธิภาพการผลิต และกำลังการผลิต เพื่อรองรับออเดอร์การสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้นด้วย

อ้างอิงจาก  ผู้จัดการออนไลน์
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,225
PLAY Q by CST bright u..
1,331
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
951
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
948
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
797
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
770
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด