20K
18 ตุลาคม 2552

เดอะพิซซ่าฯ /สเวนเซ่นส์ เจาะนักธุรกิจภูมิภาครุ่นใหม่  
 
 


 ประเทศไทยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งขาดความมั่นคง และตามด้วยการโหมกระหน่ำจากเศรษฐกิจระหว่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลของซับไพรม์จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งแน่นอนผู้บริโภคย่อมได้รับผลกระทบแน่ อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ปฯ ภายใต้การบริหารของ วิลเลี่ยม ไฮเน็คกี้ ประธาน บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารอาณาจักรร้านอาหารแบรนด์เนมดังต่างๆ อาทิ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี สเวนเซ่นส์ แดรี่ ควีน(ดีคิว) เป็นต้น กลับมองเห็นวิกฤติเป็นโอกาสด้วยการมุ่งขยายธุรกิจร้านอาหาร 2 แบรนด์ดังอย่าง เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และสเวนเซ่นส์ ภายใต้รูปแบบแฟรนไชส์ เพื่อรองรับอัตราการเติบโตของตลาดภายในประเทศมากขึ้น หลังดำเนินธุรกิจ 2 ร้านอาหาร/ไอศกรีม ในรูปแบบแฟรนไชส์มานานร่วม 6 ปี เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของธุรกิจในฐานะเจ้าตลาด

ซึ่งท่าทีล่าสุด เมื่อระหว่างวันที่ 8-10 ตุลาคมที่ผ่านมา บริษัท ไมเนอร์ฯ จัดการประชุมธุรกิจแฟรนไชส์ ขึ้นที่เชียงใหม่ ซึ่งต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อแสดงศักยภาพบริษัทในฐานะที่ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการแฟรนไชส์ธุรกิจอาหารแบรนด์ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และ สเวนเซ่นส์ ด้วยจำนวนผู้ประกอบการแฟรนไชซีทั้งสิ้น 71 ราย โดยบริษัทวางตำแหน่งให้ผู้ประกอบการแฟรนไชซีของบริษัทในฐานะของหุ้นส่วนธุรกิจด้วย พร้อมมองถึงอนาคตธุรกิจดังกล่าวผ่านแนวคิดผู้บริหาร

 


บิ๊กไมเนอร์ ไม่หวั่นพิษเศรษฐกิจ-การเมือง


นายวิลเลี่ยม ไฮเน็คกี้ ประธาน บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ปฯ กล่าวว่าจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้มองว่าเป็นอุปสรรคหรือปัจจัยหลักที่จะเข้ามาชะงักการดำเนินธุรกิจในประเทศ แต่พยายามมองหาโอกาสใหม่ในการขยายตัวของธุรกิจโดยเฉพาะ 2 แบรนด์ร้านอาหารสไตล์ อิตาลี เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และร้านไอศกรีม สเวนเซ่นส์ ด้วยการมุ่งขยายธุรกิจไปสู่รูปแบบแฟรนไชส์มากขึ้น


ตลอดช่วง 6 ปีที่ผ่านมาหลังบริษัทดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ทั้ง 2 แบรนด์ดังกล่าวนั้นพบว่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ได้มีการขยายตัวของสาขาใหม่ๆ จากผู้สนใจลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ทั้งแบรนด์ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และ สเวนเซ่นส์ อย่างต่อนื่องโดยมีอัตราเติบโตสูงขึ้น 24% แม้ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจทั่วโลกและการเมืองในประเทศไทยจะอยู่ในภาวะยากลำบาก แต่ในส่วนธุรกิจร้านอาหารนั้นยังเติบโตดีอยู่


ชู 2 แบรนด์เดอะพิซซ่า-สเวนเซ่นส์ รุกตจว.เต็มสูบ


เพื่อสนับสนุนต่อแนวทางที่บริษัทได้ดำเนินมานั้น นายอรรถ ประคุณหังสิต ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจแฟรนไชส์ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ปฯ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ทั้ง 2 แบรนด์ คือ เดอะ พิซซ่า คอมปะนี และ สเวนเซ่นส์ ในปี 2552 บริษัทจะยังคงเดินหน้าขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์เพิ่ม ตามที่แผนเดิมที่วางไว้ โดยตั้งเป้าแต่ละแบรนด์มีจำนวนสาขาใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 สาขา ในรูปแบบแฟรนไชส์ทั้งหมด ซึ่งการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารในทำเลสาขาต่างจังหวัดนั้น ยังมีโอกาสสูงอยู่มาก จากพฤติกรรมผู้บริโภคท้องถิ่น ที่นิยมมารับประทานอาหารนอกบ้านเพื่อโอกาสพิเศษต่างๆ


ขณะที่อาหารประเภทพิซซ่า ก็ถือว่าเป็นกลุ่มอาหารในโอกาสพิเศษเช่นกัน รวมไปถึงการซื้อเพื่อกลับบ้าน หรือ Take away ไปให้สมาชิกครอบครัวในวาระพิเศษ เป็นต้น ส่วนรูปแบบของผู้บริโภคเมืองหลวง อย่างกรุงเทพฯเริ่มเปลี่ยนไปด้วยหันไปนิยมบริการจัดส่งถึงบ้าน หรือดีลิเวอรี มากขึ้นแทน ซึ่งแม้ว่าตลาดในกรุงเทพฯจะยังไม่อิ่มตัว เนื่องจากยังมีการขยายตัวของค้าปลีกสมัยใหม่ในรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งบริษัทก็จะไปพร้อมกับขยายสาขาร่วมกัน รวมถึงยังได้มีการปรับปรุงโฉม (รีโนเวต) ร้านอาหารทั้ง 2 แบรนด์ให้ทันสมัยด้วย

 


นักลงทุนรุ่นใหม่สนใจแบรนด์สเวนเซ่นส์


การเติบโตที่ไม่หยุดนิ่งนั้น พบว่าในตลาดต่างจังหวัด มีกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุเฉลี่ย 26-27 ปี หันมาสนใจลงทุนทำธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ร้านอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะร้านไอศกรีม สเวนเซ่นส์ จากหลักเกณฑ์เดิมที่บริษัทวางไว้คร่าวๆ คือ เป็นกลุ่มผู้มีประสบการณ์ในการดำเนินกิจการค้าปลีกมาก่อน ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นลำดับต้นๆ เพื่อประกันว่าผู้ลงทุนธุรกิจกับบริษัท มีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจมาก่อนหน้าแล้ว ปัจจุบันเกณฑ์รายได้ของผู้ลงทุนคิดอัตราเฉลี่ยที่ 15% ของรายได้ 2 ล้านบาทต่อเดือน สำหรับร้านเดอะพิซซ่า และสัดส่วน 20% จากรายได้ 2 ล้านบาทต่อเดือนสำหรับแบรนด์ สเวนเซ่นส์ และต้องทำสัญญากับบริษัทเป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่งผู้ลงทุนควรคืนทุนได้ภายใน 5 ปีแรก

 


มุ่งขยายสาขาธุรกิจในจังหวัดใหม่ๆ


สำหรับทิศทางบริษัท จะขยายสาขาร้านเดอะ พิซซ่า และ สเวนเซ่นส์ ไปยังจังหวัดในเลเวลที่ 2 และที่3 มากขึ้น อาทิ ศรีสะเกษ ระนอง อำเภอทุ่งสง นครศรีธรรมราช หาดราไวย์ ภูเก็ต เป็นต้น หลังก่อนหน้าบริษัทมุ่งเปิดสาขาในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆได้ครอบคลุมไว้หมดแล้ว ขณะที่ปีนี้บริษัทถือว่าประสบความสำเร็จเกินเป้าที่วางไว้ คือ ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ โดยเปิดแล้ว 29 สาขา เดิมวางไว้ 10 สาขา ส่วนร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนี ปัจจุบันเปิดใหม่ 24 สาขา จากเดิมวางไว้ 11 สาขา

ปัจจุบันทั้ง 2 แบรนด์เปิดให้บริการในรูปแบบแฟรนไชส์แบ่งออกเป็น ร้านสเวนเซ่นส์ 95 สาขา และ เดอะ พิซซ่า 47 สาขา จากร้านสาขาทั้งหมดที่มีอยู่ทั่วประเทศ สเวนเซ่นส์ รวม 203 สาขา และ เดอะพิซซ่า 188 สาขา โดยแบ่งสัดส่วนเป็นรูปแบบแฟรนไชส์ราว 70% และบริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง 30%


สำหรับอัตราการเติบโตธุรกิจแฟรนไชส์ทั้ง 2 แบรนด์ ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน 2551 ปีนี้มีอัตราการเติบโตโดยรวมอยู่ที่ 24% โดยแบรนด์สเวนเซ่นส์ เติบโตราว 35% และแบรนด์เดอะพิซซ่า ราว 14% ซึ่งจากการขยายสาขาใหม่เพิ่มเกินกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ คาดสิ้นปีนี้ทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์บริษัทมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 24% และในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าบริษัท จะนำร้านไอศกรีมแบรนด์ แดรี่ ควีน หรือ ดีคิว มาขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ด้วย 
  
  




ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แฟรนไชส์ P.P.TYRE ร่วม..
1,651
แฟรนไชส์ “ไจแอ้นลูกชิ้..
1,465
“โฮมแคร์ภิบาล” จัด Ope..
1,428
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิด ..
1,124
เรียนสร้างแฟรนไชส์ ในค..
889
ธงไชยผัดไทย เปิดโครงกา..
825
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด