|
|
|
|
22 เมษายน 2558 |
ซุปเปอร์เคฯแตกโมเดลพรีเมี่ยม ซุ่มขายแฟรนไชส์เจาะอินโดไชน่า
"ซุปเปอร์เค เอาท์เลท" เล็งแตก 2 โมเดลร้านใหม่ "ดูท่า" และ "ดูท่า พลัส" อัพภาพลักษณ์ ขยับเจาะห้างเมืองกรุง ขยายฐานกำลังซื้อพรีเมี่ยม พร้อมกระหน่ำอีเวนต์ลดราคาถี่ยิบ 30 ครั้งต่อเดือน รุกหนักตลาดต่างจังหวัด กระตุ้นยอดขาย ตั้งเป้าสิ้นปีเติบโต 5 เท่า ปิดรายได้พันล้าน ซุ่มเจรจาขายแฟรนไชส์เจาะอินโดไชน่า
นางสาวสุภกัญญ์ญา เกษชุมพล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นภา ซันไชน์ จำกัด ผู้จำหน่ายสินค้าแฟชั่นมัลติแบรนด์ ซุปเปอร์เค เอาท์เลท เปิดเผยว่า บริษัทมีแนวทางจะขยายธุรกิจเข้าไปในห้างสรรพสินค้ามากขึ้น ด้วยการแตกไลน์โมเดลช็อปใหม่ ในชื่อ "ดูท่า" สำหรับร้านที่มีพื้นที่ขนาด 100-400 ตร.ม. เป็นคอนเซ็ปต์มัลติแบรนด์เช่นเดิม ที่เป็นการรวบรวมสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นมาจากแบรนด์ซุปเปอร์เคฯ มีคอลเล็กชั่นล่าสุดจากห้างสรรพสินค้า รวมถึงแบรนด์ดีไซเนอร์ท้องถิ่นจากเกาหลี
และ "ดูท่า พลัส" สำหรับพื้นที่ขนาด 400 ตร.ม.ขึ้นไป โดยจะเพิ่มสัดส่วนของสินค้าไลฟ์สไตล์ อาทิ เครื่องสำอาง ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและรองรับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ราคาสินค้าในร้านจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000 บาท โดยร้านใหม่ 2 แบรนด์ เป็นการขยายฐานไปยังลูกค้ากลุ่มบนที่มีกำลังซื้อมากขึ้น งบฯการลงทุนต่อสาขาอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านบาท ขณะที่สาขาทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท
"ตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจา และรอพื้นที่จากห้าง เบื้องต้นที่มองไว้คือ เซ็นทรัล บางนา เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล ลาดพร้าว คาดว่าจะเปิดร้านดังกล่าวภายในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า"
นางสาวสุภกัญญ์ญากล่าวว่า ส่วนการขยายสาขาของซุปเปอร์เคฯ บริษัทจะยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของการลงทุนเองและแฟรนไชส์ โดยจากนี้ไปจะเปิดเพิ่มอีกอย่างน้อย 10 สาขา หลังจากที่เปิดไปแล้ว 5 สาขาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา หรือจะมีครบ 50 สาขาภายในสิ้นปี ควบคู่กับการจัดเซลอีเวนต์ถี่ขึ้น จาก 20 ครั้งต่อเดือน เป็น 30 ครั้งต่อเดือน เพื่อกระตุ้นยอดขาย
ทั้งนี้ บริษัทจะให้น้ำหนักกับกิจกรรมในตลาดต่างจังหวัดเป็นพิเศษ เนื่องจากตลาดแฟชั่นแข่งขันไม่รุนแรง และผู้บริโภคมีความชื่นชอบแบรนด์เกาหลี สังเกตได้จากยอดขายสาขาในต่างจังหวัดที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงผลตอบรับจากการจัดงานเซลอีเวนต์ โดยเฉพาะสาขาเชียงใหม่ และยังวางแผนจะจัดงานซุปเปอร์เค เอ็กซ์โปเข้ามาเสริม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดในภาคเหนือ
รวมทั้งได้เตรียมสั่งสินค้ามากกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 5 เท่าตัว เพื่อรองรับการขยายสาขา การจัดงานเอ็กซ์โป รวมถึงเซลนอกสถานที่ เพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโต 5 เท่า หรือ 1,000 ล้านบาท จากปีที่แล้ว ที่มีรายได้ 200 ล้านบาท
"ปีนี้จะใช้งบฯการตลาด 2% ของยอดขาย เพื่อสร้างการรับรู้ในช่องทางออนไลน์ ทั้งโซเชียลมีเดีย และจับมือร่วมกับพันธมิตรที่ทำอีคอมเมิร์ซอยู่แล้ว เช่น กลุ่ม ปตท. เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายและประชาสัมพันธ์แบรนด์ควบคู่กัน นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับคู่ค้าในกลุ่มประเทศอินโดจีน หรือกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม เพื่อขายสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งตลาดแรกน่าจะเป็นที่เมียนมาร์" นางสาวสุภกัญญ์ญากล่าว
อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
|
|
|
