1.9K
1 กุมภาพันธ์ 2558
ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจเอสเอ็มอีแย่ เหตุขาดแคลนแหล่งทุน-กำลังซื้อชะลอตัว


ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ชี้ความเชื่อมั่น SME ยังอ่อนแอ เหตุกำลังซื้อของผู้บริโภคแผ่ว ขาดแคลนเงินทุนและแรงงาน ผู้ประกอบการเหนือ-ใต้หนักสุด หวัง 3 เดือนข้างหน้าเศรษฐกิจฟื้นตัว ช่วยธุรกิจกระเตื้อง

นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี เปิดเผย “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการขนาดย่อม-ทีเอ็มบี” (TMB-SME Sentiment Index) ไตรมาส 4/2557 จากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ SME กว่า 1,100 กิจการ ครอบคลุม 72 จังหวัดทั่วประเทศ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการล่าสุดไตรมาส 4 อยู่ที่ 37.1 ปรับลงเล็กน้อยจากระดับ 38.0 จากไตรมาสก่อนหน้านี้

โดยผู้ประกอบการมองรายได้ของธุรกิจได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง สอดคล้องกับปัจจัยกังวลที่กว่า 55% ของผู้ประกอบการเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อในพื้นที่ชะลอตัวต่อเนื่อง

“4 ปัจจัยบวก ได้แก่ การค้าชายแดน การเดินทางและท่องเที่ยวช่วงเทศกาล การจัดตั้งโรงงานในพื้นที่อุตสาหกรรม ราคาน้ำมันในประเทศที่ลดลง ส่วน 4 ปัจจัยลบ ที่มีผลกระทบต่อ SME ในวงกว้าง ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตร กำลังซื้อของผู้บริโภค การส่งออกที่ไม่ฟื้นตัวและการขาดแคลนและต้นทุนแรงงานสูงขึ้น จึงทำให้ภาพรวมความเชื่อมั่นของ SME ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 50” นายเบญจรงค์ กล่าว

เมื่อสำรวจมุมมองของผู้ประกอบการต่อภาวะธุรกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 60.2 ซึ่งถือว่าทรงตัวจากระดับ 59.6 จากไตรมาส 3 ที่ผ่านมาสะท้อนว่าผู้ประกอบการยังมีความหวังในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและธุรกิจในระยะเวลา 3 เดือนข้างหน้า แม้ความเชื่อมั่นในอนาคตดังกล่าวจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากไตรมาสก่อนแต่อย่างใด แสดงถึงปัจจัยและการคาดการณ์ทางธุรกิจที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมา หรือจากกันยายน 2557 ถึงมีนาคม 2558



เมื่อพิจารณาเป็นรายภูมิภาคพบว่าผู้ประกอบการในภาคใต้และภาคเหนือ ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวมากที่สุด เนื่องจากราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำและมีปัญหาเฉพาะด้านการผลิตในบางอุตสาหกรรม โดยภาคใต้ยังได้รับผลกระทบจากราคายางพาราตกต่ำต่อเนื่อง และผลกระทบของโรคระบาดในอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งขณะที่ภาวะธุรกิจภาคเหนือได้รับผลกระทบเชิงลบจากราคาข้าวนาปีที่ลดลงโดยเฉลี่ย 19% จากปีก่อนหน้า รวมทั้งหลายพื้นต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้งจนไม่สามารถเพาะปลูกข้าวนาปรังได้ตามปกติ

ด้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากราคาข้าวนาปีที่ลดลงเช่นเดียวกับภาคเหนือ แต่ยังได้รับแรงสนับสนุนจากการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านและการเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนในช่วงเทศกาลเป็นปัจจัย หนุนให้ผู้ประกอบการมีมุมมองใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

นอกจากนั้น ผู้ประกอบการในภาคตะวันออกให้น้ำหนักประเด็นการขาดแคลนแรงงานและต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นเป็นปัญหาต่อการประกอบธุรกิจ

ภาคกลาง เราพบว่า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในบางจังหวัดที่มีแรงสนับสนุนเฉพาะ เช่น จากการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล หรือการลงทุนในอุตสาหกรรม แต่ในภาพรวมแล้ว ยังเห็นความท้าทายในแนวโน้มธุรกิจ SME ต่อเนื่องในปี 2558 นี้ จากกำลังซื้อของประชาชนและเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจยังมีอยู่อย่างจำกัดซึ่งส่งผลต่อผลประกอบการ


 
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการ SME ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีมุมมองเชิงบวกด้านต้นทุนจากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่เริ่มทยอยลดลงช่วงปลายปี เนื่องจากเป็นพื้นที่ซึ่งมีสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงสูงที่สุดของประเทศ โดยมีสัดส่วนการใช้น้ำมันเบนซินและดีเซลคิดเป็น 40% และ 37% ของปริมาณการใช้ทั้งประเทศ แต่ผลจากการลดลงของราคาพลังงานยังไม่ได้สะท้อนออกมาเป็นมุมมองเชิงบวกในภาคอื่นๆ ในไตรมาสที่ 4 มากนัก

“ปัจจัยบวกส่วนใหญ่เป็นปัจจัยที่ส่งผลในระยะสั้นหรือเฉพาะพื้นที่ขณะที่ปัจจัยลบเป็นผลกระทบระยะยาวและกระทบในวงกว้าง จึงทำให้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน ส่วนราคาน้ำมันเป็นปัจจัยที่เราติดตามดูผลกระทบในระยะต่อไป” นายเบญจรงค์กล่าว

อ้างอิงจาก แนวหน้า
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
5,464
PLAY Q by CST bright u..
1,063
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
940
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
931
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
781
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
755
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด