3.3K
19 ธันวาคม 2557
เท็ดดี้เฮ้าส์ เล็งผุดธีมปาร์ก-ร้านอาหาร



"เท็ดดี้เฮ้าส์" เล็งแตกไลน์ธุรกิจ ผนึกพันธมิตรลงทุน ร้านอาหาร-ธีมปาร์ก-ไลเซนซิ่ง พร้อมรุกหนักต่างประเทศ หวังบาลานซ์ความเสี่ยง-รายได้ หลังเจอพิษเศรษฐกิจการเมือง ทุบยอดขายสะดุด

นายปิตุภูมิ หิรัณยพิชญ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เท็ดดี้ เฮ้าส์ จำกัด ระบุว่า เนื่องจากธุรกิจตุ๊กตาหมีที่บริษัทได้ดำเนินการอยู่นั้นถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยรอบข้าง อาทิ เศรษฐกิจ การเมือง ดังนั้น เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง จึงมีนโยบายจะขยายไลน์ไปยังธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อพึ่งพารายได้จากธุรกิจอื่นมากขึ้น

อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม, ธีมปาร์ก, ลิขสิทธิ์ และอีคอมเมิร์ซ จากเดิมที่เน้นเพียงธุรกิจค้าปลีก โดยโมเดลการดำเนินธุรกิจดังกล่าวจะเน้นการหาพาร์ตเนอร์เพื่อร่วมลงทุนพัฒนาและวางแผนในแต่ละกลุ่มร่วมกัน



อาทิ ฟู้ดแอนด์เบฟเวอเรจ จะใช้การต่อยอดองค์ความรู้ร้านเท็ดดี้ เฮ้าส์ คาเฟ่ ที่เปิดมา 4 ปี มี 1 สาขา ขณะนี้กำลังพูดคุยและมองหานักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจอาหาร เพื่อพัฒนารูปแบบร้าน เพื่อเปิดทั้งในและต่างประเทศ ส่วนธุรกิจธีมปาร์ก หรือสวนสนุก จะจับมือกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อทำสถานที่ท่องเที่ยว รีสอร์ต รองรับกลุ่มครอบครัว เบื้องต้นพิจารณาโลเกชั่นบริเวณราชบุรี หัวหิน และเขาใหญ่ เนื่องจากสะดวกต่อการเดินทางจากกรุงเทพฯ



ขณะที่ธุรกิจลิขสิทธิ์ หรือไลเซนซิ่ง จากแคแร็กเตอร์ เท็ดดี้ เฮ้าส์ ที่มีความแข็งแกร่งและมีการรับรู้ในวงกว้าง และสามารถนำไปใช้ต่อยอดสินค้าหรือผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าได้ ล่าสุด มีผู้สนใจนำไปพัฒนาไลน์สติ๊กเกอร์ คาดว่าจะนำออกมาให้ดาวน์โหลดเร็ว ๆ นี้ รวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่ายไปยังอีคอมเมิร์ซ ด้วยการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในเว็บไซต์ของพันธมิตร เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ที่สาขาไม่มี



"ปีหน้าเราจะเน้นการมองหาและจับมือพันธมิตร ก็จะได้ข้อสรุปว่าจะร่วมมือกับใคร หลังจากนั้นกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ก็จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างได้ เพราะในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เราเรียนรู้ว่าการพึ่งพาเพียงธุรกิจรีเทลอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เราเติบโตอย่างมั่นคง จึงจำเป็นต้องหาธุรกิจอื่นเข้ามาบาลานซ์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและช่วยส่งเสริมการเติบโต"

อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจค้าปลีก บริษัทมองว่าจะยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และบริษัทจะเน้นการเติบโตในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบเอเชีย ปัจจุบันมี 46 สาขา ได้แก่ ในประเทศ 29 สาขา ต่างประเทศ 17 สาขา ประกอบด้วย เวียดนาม, อินโดนีเซีย และจีน ซึ่งทิศทางต่อจากนี้จะให้น้ำหนักในการขยายในอินโดนีเซียและจีนมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูง ซึ่งในปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีกประเทศละ 2 สาขา ซึ่งเป็นรูปแบบของแฟรนไชส์และตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก


ส่วนในประเทศ แนวทางการทำตลาดจะมุ่งไปที่การออกคอลเล็กชั่นใหม่ทุก 3 เดือน หรือตามเทศกาลสำคัญ เพื่อกระตุ้นการจับจ่าย และเน้นการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมมากขึ้น

"ปีนี้จากผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่เกิดขึ้น ทำให้ยอดขายเติบโตลดลง แต่คาดว่าสถานการณ์ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น จะทำให้ปีหน้าสามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง หรืออย่างน้อยจะมีรายได้ที่ 160 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา" นายปิตุภูมิกล่าว

อ้างอิงจาก  ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
980
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
667
“เติมพลังความรู้” กับ ..
599
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
571
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
561
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
523
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด