|
|
|
|
2 พฤศจิกายน 2557 |
บิ๊กเจ&ซี โบกมือลา สคบ.ลุยขายตรงต่อ
จอยแอนด์คอยน์ เดินหน้าลงทุนขยายสาขาต่อเนื่อง ทั้งในและต่างประเทศ ตุนที่ดิน 10 แปลงเล็งผุดสาขา JC Shop เพิ่มอีก 10 แห่ง จากก่อนหน้าที่ก่อสร้างอยู่ 5 แห่ง พร้อมปักธงอีก 4 ประเทศอาเซียน ใช้ระบบอี-คอมเมิร์ซ เชื่อมโยงการขายสินค้า
ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการบริษัท จอยแอนด์คอยน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรง จอยแอนด์คอยน์ (J&C)เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจว่า ยังคงลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรูปแบบ JC Shop ที่มีลักษณะเหมือนห้างหรือซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ที่มีขนาดพื้นที่ 1.5-2 พันตารางเมตร เป็นอาคารขนาด 3 ชั้น ใช้งบประมาณการลงทุนแห่งละ 70-80 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทมีที่ดินเตรียมพร้อมการลงทุนแล้ว 10 แปลงในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
ปัจจุบันมี JC Shop ที่กำลังก่อสร้างอยู่ 5 แห่ง ที่จังหวัดขอนแก่น, สุราษฎร์ธานี, พิษณุโลก, ชลบุรี และหาดใหญ่ ซึ่งปีนี้น่าจะเปิดให้บริการได้ที่ขอนแก่นและหาดใหญ่"
นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทยังเตรียมขยายสาขาเพิ่มอีก 5-6 แห่ง ช่วงไตรมาสสุดท้าย ใช้งบประมาณสาขาละ 50-60 ล้านบาท จากปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการแล้ว 40 แห่ง ทั่วประเทศทั้งในส่วนที่บริษัทลงทุนเองและในรูปแบบแฟรนไชส์ ขณะเดียวกันบริษัทยังมีสาขาของสมาชิกกว่า 600-700 สาขาทั่วประเทศ ที่ใช้ระบบไอทีในการดำเนินธุรกิจและมีสินค้าเตรียมไว้จำหน่ายด้วย
ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า นอกจากการลงทุนขยายสาขาในประเทศไทยแล้ว บริษัทยังได้เปิดให้บริการธุรกิจขายตรงในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเน้นในประเทศเพื่อนบ้านก่อน ปัจจุบันเปิดให้บริการที่ประเทศมาเลเซีย, เมียนมาร์ และกัมพูชา ส่วนประเทศเวียดนามเพิ่งจะได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการจัดหาสถานที่เพื่อเปิดดำเนินการ
สำหรับการเปิดดำเนินการในประเทศเพื่อนบ้าน บริษัทมองว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับนักธุรกิจที่อยู่ในแถบชายแดน และการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าไปดำเนินธุรกิจอย่างจริงจัง หลังจากที่มีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในช่วงปลายปี 2558 ซึ่งการดำเนินธุรกิจในเออีซีมีทั้งโอกาสและอุปสรรค ทำให้บริษัทต้องพิจารณาให้รอบคอบ อย่างไรก็ตาม จากการที่บริษัทมีการพัฒนาระบบไอทีในรูปแบบแอพพลิเคชัน "JCM Commerce"ที่สามารถซื้อขายสินค้าผ่านอุปกรณ์ไอทีได้ รองรับไว้แล้ว เมื่อเปิดเออีซีบริษัทคาดว่าจะดำเนินธุรกิจได้ทันที ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางระบบเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประเทศไทยและประเทศต่างๆ
ส่วนกรณีที่ดร.สมชาย ที่ดำรงตำแหน่งสมาคมพัฒนาการขายตรงไทย (TSDA) และได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการว่าด้วยโฆษณา รวมถึงเป็นที่ปรึกษาของสคบ. ในการจัดทำแอพพลิเคชัน สำหรับแผนแม่บทแห่งชาติของสคบ. ซึ่งถูกมองว่าไม่เหมาะสม และล่าสุดดร.สมชาย ได้ลาออกจากตำแหน่งต่างๆ ของทางสคบ. ได้กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้มีประโยชน์ทับซ้อนกับการเข้าไปทำงานกับทางสคบ. แต่อย่างใด
อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ
|
|
|
