5.5K
29 เมษายน 2557
ซีพีเอฟ ปรับแผนธุรกิจห้าดาวเร่งพัฒนาแฟรนไชส์เถ้าแก่เล็ก สร้างอาชีพคนไทย


ซีพีเอฟ ปรับแผนธุรกิจห้าดาวจากการขยายเปิดธุรกิจด้วยตัวเอง เป็นเดินหน้าสร้างงานสร้างอาชีพโดยมุ่งพัฒนาแฟรนไชส์ "เถ้าแก่เล็ก" เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยเป็นเจ้าของธุรกิจและบริหารจัดเอง

นายสถิต สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปี 2543 ที่ธุรกิจห้าดาวได้เริ่มปรับการบริหารจากที่บริษัทเคยทำด้วยตนเองทั้งหมด มาเป็นการดำเนินกิจการในรูปแบบแฟรนไชส์ ถือเป็นการเปลี่ยนบทบาทครั้งสำคัญสู่การเป็น ธุรกิจห้าดาว สร้างงานสร้างอาชีพ สร้างโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการเป็นเถ้าแก่มีธุรกิจเป็นของตนเองโดยใช้เงินลงทุนไม่มากและมีระยะคืนทุนสั้น โดยเน้นมาตรฐานการผลิตสินค้าและบริการ จนถึงปัจจุบันซุ้มธุรกิจห้าดาวที่มีอยู่ในประเทศไทยเป็นการบริหารจัดการโดยผู้ประกอบรายย่อยทั้งหมด 

บริษัทได้มีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ธุรกิจห้าดาวในปี 2547 เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศและให้การฝึกอบรมผู้ประกอบการแฟรนไชส์ห้าดาวให้ก้าวสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้บริษัทฯมีจำนวนผู้ประกอบการแฟรนไชส์แล้วกว่า 5,100 ซุ้ม พร้อมทั้งสร้างซุ้มครูฝึกธุรกิจห้าดาวกระจายอยู่ในทุกภาคทั่วประเทศอีก 525 ซุ้ม เพื่อผลักดันเถ้าแก่เล็กที่มีศักยภาพในการสอนงานที่ดี เป็นตัวแทนของบริษัทในการถ่ายทอดความรู้ที่เป็นมาตรฐานเดียวกันแก่ผู้ประกอบการรายใหม่ โดยปัจจุบันมีผู้ผ่านการฝึกอบรมแล้วกว่า 6,000 คน ตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นผู้นำแฟรนไชส์ ในรูปแบบซุ้มอาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานภายใต้ “แบรนด์ห้าดาว”

ปัจจุบันธุรกิจแฟรนไชส์ห้าดาวมีความหลากหลายมากถึง 6 ประเภท ได้แก่ ไก่ย่างห้าดาว จำนวน 2,200 ซุ้ม ไก่ทอดห้าดาว จำนวน 1,750 ซุ้ม ข้าวมันไก่ 750 ซุ้ม บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง 200 ซุ้ม เรดดี้มีล 100 ซุ้ม ไส้กรอกโรลเลอร์กริลล์ 100 ซุ้ม

ดังนั้นเพื่อให้สามารถคงมาตรฐานที่ดีไว้อย่างต่อเนื่องบริษัทจึงจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ธุรกิจห้าดาว ทั้งในภาคกลางและตะวันออก อีสาน เหนือ และใต้ พร้อมผลักดันให้เฒ่าแก่เล็กธุรกิจห้าดาวที่มีซุ้มอยู่ในทำเลทอง ได้ทำหน้าที่เป็นครูผู้ฝึกอบรมแก่เถ้าแก่เล็กห้าดาวทั่วประเทศ ให้สามารถดำเนินกิจการห้าดาวได้อย่างมีคุณภาพมาตรฐานเพื่อผู้บริโภค


“การจะทำให้เถ้าแก่เล็กห้าดาวทุกสาขามีมาตรฐานการบริหารจัดการการผลิตสินค้าและการให้บริการแก่ลูกค้าเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดนั้น นับเป็นเรื่องที่ท้าทาย ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัทให้ความสำคัญโดยเฉพาะเรื่องอาหารปลอดภัย” นายสถิตกล่าว

ทั้งนี้ จากการสั่งสมประสบการณ์นับตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจเมื่อปี 2528 ทั้งมาตรฐานการผลิตสินค้า การบริหารสินค้าขาย การดูแลความสะอาดจุดขาย ระบบการบริหารบัญชีจุดขาย และจุดแข็งที่สำคัญคือ ระบบการขนส่งสินค้า (Logistic) ตลอดจนการบำรุงรักษาอุปกรณ์ บริษัทได้นำองค์ความรู้ดังกล่าวมาถ่ายทอดแก่เถ้าแก่เล็กห้าดาว รวมถึงการสนับสนุนการขายต่างๆ ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การสื่อสารการตลาด ระบบขนส่งสินค้า มาถ่ายทอดอย่างเปิดเผยเพื่อให้เถ้าแก่เล็กมั่นใจในการร่วมธุรกิจแฟรนไชส์แบบมืออาชีพ

“บริษัททำการพัฒนาซุ้มครูฝึกธุรกิจห้าดาวอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดประชุมครูฝึกธุรกิจห้าดาวประจำปี และแบ่งการประชุมย่อยตามเขตรวม 18 รอบต่อปี เพื่อทดสอบความรู้มาตรฐานครูฝึกในการสอนงานพร้อมฝึกฝนเทคนิคการถ่ายทอดให้กับผู้เข้าเรียนในละประเภท ทำให้สามารถนำความรู้และข่าวสารใหม่ๆที่ได้รับการถ่ายทอดไปสอนต่อที่ซุ้มฝึกต่อไป” นายสถิตกล่าว

สำหรับซุ้มฝึกอบรมธุรกิจห้าดาว บริษัทคัดเลือกคุณสมบัติของครูฝึกที่มีผลการตรวจมาตรฐานการปฏิบัติงานที่จุดขายมากกว่า 80% ขึ้นไป มียอดสั่งซื้อสินค้าไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท/เดือน ทำเลที่ตั้งเหมาะสม ประกอบกับต้องมีทัศนคติที่ดีต่อธุรกิจห้าดาวและมีใจรักในการสอนงาน โดยครูฝึกจะทำการสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติรวมถึงประเมินการปฏิบัติงานของแต่ละซุ้ม


นายสถิตกล่าวอีกว่า ความสำเร็จของธุรกิจห้าดาวอยู่ที่ 3 หัวใจหลัก ได้แก่ Quality-Service-Cleanliness หรือ QSC ซึ่งเป็นการควบคุมมาตรฐานการปฏิบัติงานที่จุดขายธุรกิจห้าดาวทุกๆซุ้มให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน กล่าวคือ Quality-การควบคุมคุณภาพของกระบวนการผลิต การจัดเสิร์ฟสินค้าให้กับลูกค้า, Service-ทักษะการบริหารงานขาย, Cleanliness-ความสะอาดของอุปกรณ์การผลิตสินค้า ซุ้ม และผู้ขาย

“เคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ห้าดาวก้าวสู่การเป็นธุรกิจอาหารสำเร็จรูปที่ขายดีอันดับ 1 ของเมืองไทย คือ เถ้าแก่เล็กทุกคนเป็นผู้ที่มีใจรักในการขาย มีอัธยาศัยดี สินค้าสด สะอาด ปลอดภัย ขณะเดียวกันทำเลที่ตั้งก็สามารถดึงดูดลูกค้าได้ และธุรกิจห้าดาวยังคงมุ่งมั่นคิดค้นสินค้าใหม่ๆ เพื่อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นการผลิตอาหารปลอดภัยที่สามารถรับประทานได้ทันที ณ จุดขาย” นายสถิต กล่าว

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังได้ขยายธุรกิจห้าดาวไปต่างประเทศอีก 6 ประเทศ ประกอบด้วย อินเดีย เวียดนาม เมียนมาร์ บังคลาเทศ กัมพูชาและลาว และมีจำนวนซุ้มรวมกันประมาณ 700 ซุ้ม และแนวโน้มการดำเนินธุรกิจเป็นไปด้วยดี อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังต้องเป็นผู้ลงทุนเองในประเทศเพื่อสร้างความมั่นใจในความสำเร็จให้กับผู้ประกอบการรายย่อยในต่างประเทศ และจะปรับเปลี่ยนเป็นระบบแฟรนไชส์ในอนาคต

นายสถิตกล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าขยายซุ้มห้าดาวในประเทศเพิ่มเป็น 5,800 ซุ้ม ต่างประเทศเป็น 1,000 ซุ้ม เพื่อให้ยอดขายรวมของธุริกจบรรลุเป้าหมาย 6,000 ล้านบาท เติบโต 10% โดยสัดส่วนยอดขายในประเทศเป็น 5,100 ล้านบาท และต่างประเทศ 900 ล้านบาท

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
นำโชคลอตเตอรี่ “ธุรกิจ..
3,579
ประมวลภาพสุดยิ่งใหญ่งา..
1,181
ธงไชยผัดไทย เปิดโครงกา..
1,033
คลิ๊กโรบอท เอ็นจิเนียร..
1,029
“นาด้า” ร่วมแข่งขันจิน..
904
ก๋วยเตี๋ยวเรือปัญจะรส ..
761
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด