|
|
|
|
23 เมษายน 2557 |
พาณิชย์เตรียมผลักดันนำสินค้าโอท็อปขยายธุรกิจเหมือนแฟรนไชส์
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เตรียมผลักดันกลุ่มสินค้าโอท็อปไทยขยายธุรกิจเหมือนแฟรนไชส์ พร้อมดึงสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยขายสินค้าผ่านออนไลน์ เชื่อสินค้าโอท็อปยังเติบโตดีอยู่
น.ส.ผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเตรียมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะดึงกลุ่มสินค้าโอท็อปคุณภาพระดับพรีเมียมจากทั่วประเทศที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ผลิตโอท็อป โปรดักต์ แชมเปี้ยน รวมกว่า 300 ชนิด จาก 100 ผู้ประกอบการใน 4 ประเภท กลุ่มผ้าและเครื่องแต่งกาย กลุ่มของใช้ ของตกแต่งของที่ระลึก กลุ่มอาหารเครื่องดื่ม และกลุ่มสมุนไพรไทย ให้สามารถขยายธุรกิจเช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ไทย โดยกรมเห็นว่าน่าจะทำได้ และกำลังกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆขึ้นมารองรับกลุ่มสินค้าโอท็อปให้ขยายลิขสิทธิ์ธุรกิจเหมือนกับธุรกิจแฟรนไชส์ได้ คาดว่าจะสามารถประกาศแนวทางดังกล่าวได้เร็วนี้
อย่างไรก็ตาม กรมยังได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย ธุรกิจ e-MarketPlace และ ShoppingOnline ได้แก่ tarad.com weloveshopping.com, rakbankerd.com, sabuyshop.com, KTCUshop, itruemart.com, Lazada.com, Shoponline-tescolotus.com, readyplanet.com, lnwshop.com, thaishope.com และกลุ่มพันธวณิช ยินดีร่วมกันส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนผ่านทางออนไลน์ โดยเห็นว่าสินค้าโอท็อปหลายผลิตภัณฑ์มีความน่าสนใจและเป็นที่ต้องการของตลาด
ซึ่งการเปิดช่องทางออนไลน์จะทำให้ผู้ประกอบการโอท็อปมีโอกาสทางการตลาดมากขึ้น สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่จะได้รับความสะดวกและสามารถซื้อสินค้าได้ทุกเวลาทุกสถานที่ตามความต้องการ โดยกรมจะเร่งเสริมสร้างทักษะการค้าออนไลน์ การบริหารจัดการในการจัดส่งสินค้า ระบบโลจิสติกส์ ระบบการชำระเงินการส่งเสริมการขาย การสร้างกลยุทธ์การตลาด การจับคู่ธุรกิจเพื่อเข้าสู่ตลาดออนไลน์ที่เหมาะสมตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
ส่วนรูปแบบการดำเนินการจะบูรณาการหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์กระทรวงมหาดไทย และภาคเอกชน เพื่อเปิด “OTOP Shop Corner” บนเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ คาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในเดือนสิงหาคมนี้ และในปีนี้คาดว่าธุรกิจโอท็อปไทยจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 80,000-90,000 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตแต่ละปีร้อยละ 5-10 และมั่นใจว่าสินค้าโอท็อปไทยยังเป็นที่ต้องการทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ
นอกจากนี้ กรมยังเดินหน้ายกระดับผู้ผลิตสินค้าโอท็อปให้สามารถทำธุรกิจขั้นสูงได้ รองรับการแข่งขันหลังเปิดเออีซีในปีหน้า ที่คาดว่าสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านจะเข้ามาตีตลาดในไทย ยอมรับว่าในปัจจุบันผู้ประกอบการสินค้าโอท็อปส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพเฉพาะการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังขาดช่องทางการจำหน่าย การบริหารจัดการ และการสร้างกำไร พร้อมทั้งจะเร่งผลักดันนำเอาสินค้าโอท็อปในโครงการโอท็อป ซีเล็คต์ ให้กับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นำผู้ที่มีศักยภาพในการทำตลาดส่งออกในต่างประเทศต่อไป.
อ้างอิงจาก สำนักข่าวไทย
|
|
|
|
|
