สคบ.สุ่มตรวจสังฆภัณฑ์หมดอายุ
สคบ.ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจชุดสังฆทานและเครื่องไทยธรรมอย่างเข้มงวดในช่วงเทศกาลสำคัญทางศาสนา กันไม่ให้ร้านค้าเอาเปรียบผู้บริโภค และตรวจคุณภาพสินค้า ไม่ให้นำของหมดอายุมาใส่
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้นายจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการสคบ. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจชุดสังฆทานและเครื่องไทยธรรมอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้ร้านค้าเอาเปรียบผู้บริโภค เนื่องจากเป็นห่วงว่าอาจมีผู้ประกอบธุรกิจบางรายฉวยโอกาสนำสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ และมีปริมาณไม่ครบถ้วนตามที่ระบุไว้ในฉลากมาจำหน่ายในช่วงนี้
ทั้งนี้ ชุดสังฆทานและชุดไทยธรรมเป็นสินค้าที่คณะกรรมการว่าด้วยฉลากได้มีประกาศให้เป็น สินค้าควบคุมที่ต้องระบุรายละเอียดสินค้า พร้อมทั้งบอกชื่อ สถานที่ตั้งของผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย ขณะเดียวกันก็ต้องระบุวันเดือนปีที่หมดอายุ วันเดือนปีที่บรรจุ หากผู้ใดขายสินค้าที่มีประกาศควบคุมฉลาก โดยไม่มีฉลาก หรือมีฉลากแต่ฉลากนั้นไม่ถูกต้อง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้านนายสกล แสงมาลี ประธานกรรมการ บริษัท สังฆภัณฑ์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าสังฆภัณฑ์ กล่่าวว่า ยอดขายสินค้าสังฆภัณฑ์ของบริษัทในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ลดลงจากยอดขายปกติ 10-20% พลาดจากเป้าหมายการเติบโตที่ตั้งไว้ที่ 10% เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนลดลงจากปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายรถคันแรก และกระแสข่าวไม่ดีเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์ เป็นเหตุให้เกิดการชะลอการซื้อสินค้าเพื่อทำบุญลดลง
“ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทำให้คนหันมาใช้ศาสนาเป็นที่พึ่งมากขึ้น เพื่อช่วยสร้างกำลังใจ แต่ยอดขายต่อบิลต่ำลงมาก เช่นจากเดิมที่เคยซื้อเทียนพรรษาขนาด 1.5 เมตร ลดขนาดลงเหลือ 0.5 เมตร หรือการเลือกซื้อชุดสังฑทานก็ซื้อชุดเล็กลงจากเดิม กระทบไปถึงการทำบุญบ้านหรือทำบุญประจำปีที่ลดน้อยลงเช่นกัน"
อย่างไรก็ตามภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง ยอดขายจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมีงานบุญใหญ่ 2 งาน ประกอบด้วย วันเข้าพรรษาและวันออกพรรษา ซึ่งประชาชนซื้อสินค้าไปทำบุญมากขึ้น โดยในปีนี้คาดว่าในช่วงเข้าพรรษานี้จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 30-40% จากการซื้อสินค้าช่วงปกติ หรือเป็นรายได้เฉลี่ยวันละ 20,000 – 30,000 บาทต่อวัน แต่ยังไม่สามารถกระตุ้นยอดขายรวมทั้งปีให้เป็นไปตามเป้าหมายได้
สำหรับปีนี้สินค้าใหม่ที่ได้รับความนิยม คือชุดยาอโรคยา ที่บริษัทร่วมมือกับพระผู้เกจิอาจารย์จัดขึ้นเป็นพิเศษ โดยจะคัดเลือกเฉพาะยาที่สำคัญและใช้ได้จริงสำหรับพระภิกษุสงฆ์เท่านั้น ใส่บรรจุภัณฑ์ที่สวยงามทันสมัย ส่วนสินค้าอื่นๆ ยังคงเหมือนกับปีที่ผ่านมาประกอบด้วยเทียนพรรษา ผ้าไตรจีวร หลอดไฟ และชุดสังฑทานขนาดเล็ก
ขณะเดียวกันบริษัทได้เตรียมแผนรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการ เปิดขายธุรกิจแฟรนไชส์แก่ผู้ประกอบการรายย่อยที่สนใจ โดยบริษัทจะเป็นผู้ควบคุมและวางแผนการบริหารงานให้ ซึ่งตอนนี้มีมาซื้อแฟรนไชส์แล้ว 30 สาขาทั่วประเทศ โดยสาขาแรกจะเปิดให้บริการได้ใน ส.ค. นี้ คาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นกว่าหลายร้อยล้านบาท
นายปูมเทพ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้จัดการทั่วไปบริษัทฮาเวลส์ ซีลวาเนีย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายหลอดไฟซิลวาเนีย กล่าวว่า บริษัทได้เปิดจัดโปรโมชันลดราคาหลอดไฟลงกว่า 20% เพื่อรับวันเข้าพรรษา หลักจากที่ผ่านประชาชนหันมาถวายหลอดไฟแก่วัดเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าภายในช่วงเข้าพรรษายอดขายหลอดไฟจะเติบโตขึ้น 10% เป็นมูลค่า 70-80 ล้านบาท แต่เป็นการเติบโตน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 10- 15% เนื่องจากอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจซบเซา
อ้างอิงจาก เดลินิวส์