2.3K
14 กรกฎาคม 2556
เชียร์เอสเอ็มอีญี่ปุ่นแห่มาลงทุน

 
 
"บุณยสิทธิ์"  แย้มจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีน-ญี่ปุ่น ส่งผลให้นักลงทุนญี่ปุ่นย้ายฐานสู่ภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น เผยประเทศน่าลงทุนอันดับ 1 อินโดนีเซีย รองลงมาไทย และเวียดนามตามลำดับ  

มั่นใจไร้ปัญหาผลกระทบต่อตลาด SME ไทย ซ้ำยังเป็นการเพิ่มคุณภาพสินค้ารองรับการแข่งขัน ขณะที่ครม. นายกฯปู 5  มั่นใจสามารถแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจประเทศได้ดี เหตุเชี่ยวชาญกว่าชุดเดิม ชี้หากจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจควรแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งตัวก่อน
 
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์  เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนของกลุ่มทุนจากญี่ปุ่นในประเทศไทยในขณะนี้ ว่า หลังจากที่ญี่ปุ่นและจีนมีปัญหากันในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่น สนใจย้ายฐานการลงทุนเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพทางการเติบโตสูง ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย  มากขึ้น โดยหวังเป็นกลุ่มตลาดใหม่ที่สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะการเข้ามาของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลาง หรือ SME ชาวญี่ปุ่น ที่ให้ความสนใจมาลงทุนมากขึ้น 
 
ทั้งนี้ มองว่าการเข้ามาดังกล่าว ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการชาวไทยแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นการนำเงินลงทุนเข้ามาในเมืองไทยมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางชาวไทย ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ดีขึ้น เพื่อรองรับการแข่งขัน
 
 
 
"การเข้ามาของกลุ่มทุนชาวญี่ปุ่น ส่งผลให้ SME คนไทยเราก็ต้องปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถเดินไปด้วยกันได้นั่นเอง ถือเป็นการพัฒนาคุณภาพของสินค้าไทยเราด้วย โดยในส่วนของสหพัฒน์เอง จะมีการร่วมมือกับนักธุรกิจพาร์ตเนอร์ชาวญี่ปุ่น ในการลงทุนทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทเองก็มีการจับมือกับญี่ปุ่นมาโดยตลอด ซึ่งปัจจัยหลักนอกจากเรื่องสภาวะเศรษฐกิจแล้ว เหตุผลที่ญี่ปุ่นให้ความสนใจ เนื่องจากตอนนี้ญี่ปุ่นกำลังเดือดร้อนกับการลงทุนในประเทศจีน เลยเข้ามาลงทุนในเมืองไทยเยอะขึ้น"
 
ขณะที่ประเทศที่ถูกจับตามองว่าน่าลงทุนมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เป็นอันดับ1 ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย รองลงมาคือประเทศไทย และเวียดนาม ตามลำดับ
 
นายบุณยสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมเศรษฐกิจเมืองไทยภายใต้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า นโยบายของภาครัฐคือส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น ซึ่งมองว่าครม.ชุดใหม่ที่เพิ่งปรับเปลี่ยนไปนั้น มีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนชาวต่างชาติได้ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญกว่าคณะรัฐมนตรีชุดเก่า

แต่อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูเรื่องของนโยบายในการบริหารงานประเทศประกอบเข้าไปด้วย เพราะที่ผ่านมายังมีบางจังหวะที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และแก้ไขไม่ได้ ซึ่งเรื่องค่าเงินบาทยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ จึงอยากจะให้มีการดูแลค่าเงินบาทให้ดีที่สุด เพราะจะทำให้สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ทั้งหมด
 
 
 
ด้านปัจจัยที่น่าเป็นห่วงสำหรับผู้ประกอบการในประเทศขณะนี้คือ เรื่องของอำนาจการซื้อในที่เริ่มอ่อนลง โดยคาดว่าน่าจะมาจากภาคครัวเรือนอาจจะมีหนี้มากเกินไป เลยส่งผลให้ไม่มีโอกาสมาซื้อของมากขึ้น ทั้งสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกก็ยังไม่ดีขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมยังน่าเป็นห่วงอยู่
 
"ในสภาวะที่ตลาดค่อนข้างมีปัจจัยลบเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย ปัจจัยบวกก็ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ถือเป็นเมืองพุทธ เราอยู่ในเมืองไทยเรามีความสุขที่สุด ไม่มีที่ไหนดีกว่าเมืองไทย พวกเราก็เคยไปต่างประเทศอยู่ แต่ถ้าอยู่นาน ๆ เมืองไทยจะดีกว่า อุดมสมบูรณ์กว่า การเมืองแม้ว่าไม่นิ่งแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป"

อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,235
PLAY Q by CST bright u..
1,334
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
951
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
949
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
797
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
770
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด