นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนธุรกิจแฟรนไชส์ปีนี้ จะเพิ่มโมเดลเซเว่นฯ ที่ให้บริการ ร้านเพื่อสุขภาพและความงามแบรนด์เอ็กซ์ต้า (eXta) และร้านเบเกอรี่และกาแฟคัดสรร เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดยทั้ง 2 โมเดลถือเป็นธุรกิจใหม่ จากเดิมที่บริษัทลงทุนเอง ในส่วนของเอ็กซ์ต้า เพิ่งเริ่มต้นทดลอง 1-2 สาขา ขณะที่ร้านเบเกอรี่และกาแฟคัดสรร ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบ 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของการเปิดร้านยาเอ็กซ์ต้าก็คือ เภสัชกรประจำร้าน ดังนั้นจึงมุ่งสนับสนุนเภสัชกรและร้านขายยาให้มาเป็นแฟรนไชส์ร้านเซเว่นฯ ส่วนร้านที่มีขนาดใหญ่ที่บริษัทลงทุนเอง ถ้าพิจารณาเห็นว่ามีศักยภาพก็จะนำทั้งเอ็กซ์ต้าและคัดสรร เข้าไปเปิดให้บริการด้วย 

 

แนวทางของบริษัทเน้นเติบโตด้วยระบบแฟรนไชส์ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสาขาแฟรนไชส์ปีละ 3% ปัจจุบันเซเว่นฯมีสัดส่วนร้านแฟรนไชส์ 55% ตั้งเป้าสิ้นปีเพิ่มเป็น 58% โดยปีที่แล้วมีสาขาแฟรนไชส์ 3,800 แห่ง ในจำนวนนี้พบว่ามีถึง 400 ราย ที่บริหารร้านมากกว่า 1 สาขา ทั้งนี้ แนวโน้มมีคนสนใจซื้อแฟรนไชส์เพิ่มขึ้น ทั้งคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณก็มองหาธุรกิจส่วนตัวเช่นกัน "ธุรกิจแฟรนไชส์โดยรวมมีมูลค่า 168,000 ล้านบาท โดยจำนวนธุรกิจและร้านที่อยู่ในระบบแฟรนไชส์มีประมาณ 75,000-85,000 แห่ง เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี"
 

 
 

 

สำหรับตัวเลขสาขาเซเว่นฯสิ้นเดือนพฤษภาคมมี 7,136 สาขา ปีนี้ตั้งเป้าเปิดใหม่ 550 สาขา และอีก 5 ปีจะครบ 10,000 สาขา โดยเปิดครอบคลุม 726 อำเภอ จากทั้งหมด 929 อำเภอ คิดเป็น 78% และมีจำนวนลูกค้าเข้าร้าน 1,250 คนต่อวันต่อสาขา รวมทั้งสิ้นกว่า 9 ร้านคนต่อวัน ทั้งนี้ ปัจจัยแห่งความสำเร็จของเซเว่นฯคือ ทำเล การบริหารจัดการ และการทำงานเป็นทีม การสรรหาสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ระบบโลจิสติกส์ที่สนับสนุนการทำงานของร้าน ระบบสารสนเทศ เพื่อใช้ในการจัดการเรื่องข้อมูล การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร 

 

 

"การปรับตัวให้ทันกับลูกค้า และตลาดที่เปลี่ยนแปลง ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมของร้านค้าและสินค้า ก็จะทำให้มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น" นายปิยะวัฒน์กล่าวและว่าภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกและร้านเซเว่นฯตลอด 5 เดือนที่ผ่านมามียอดขายที่ดีและเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ทั้งนี้ปัจจัยต่าง ๆ ทั้งค่าครองชีพสูงขึ้น การผ่อนรถคันแรก ส่งออกลดลง จะส่งผลต่อกำลังซื้อบ้าง แต่ยังมั่นใจว่าจะยังรักษาการเติบโตได้ เพราะเป็นสินค้าจำเป็นในการดำเนินชีวิต และสิ้นปีเติบโตตามเป้า 13-15%

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ